Addis Ababa…a Charming Capital – Ethiopia

Story & Photo by Kanjana Hongthong

จะว่าแปลกก็แปลก ยอมรับว่าเป็นคนแปลกๆ ไม่กลัวที่จะคบหาสมาคมกับคนแปลกๆ รสนิยมหลายอย่างจึงแปลกไปหมด

ประเทศที่ปลุกให้หูตาเบิกโพลงได้เป็นวักเป็นเวน ปาเลสไตน์ อิรัก อัฟกานิสถาน ยูกันดา เซเชลส์ มอริเชียส รวมถึงเอธิโอเปีย (Ethiopia) ที่ทำให้ฉันนั่งไม่ติดไปหลายวัน

เมื่อรู้ว่าจะได้ไปยืนสูดอากาศของประเทศนี้ว่า “เมืองหลวง” ช่วยทำให้ทุกอย่างดูเบาขึ้น แม้กระทั่งเรื่องที่หลับที่นอนที่แม้จะแอบเผลอกังวลเล็กน้อยว่าอาจจะไม่ค่อยสะดวกสบายนักกับชื่อของเอธิโอเปีย

แต่เอาเข้าจริงๆ ก็พบว่าไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะแอดดิส อาบาบา (Addis Ababa) มีเรือนพักให้คัดตัวเต็มไปหมด

บนถนนสายช้อปปิ้งประจำเมืองนั้นไม่ได้มีแค่ของขาย อาภรณ์อาบฝุ่น และคนขายเท่านั้น แต่วัวก็เดินเพ่นพ่านบนถนนสายนี้ อารมณ์เดียวกับนครหลวงของเนปาลอย่างกาฐมาณฑุ อย่างไรอย่างนั้น

อาชีพคนขัดรองเท้าดูเหมือนฮิตกว่าอะไรทั้งปวง บางมุมจึงมีกองทัพนักขัดรองเท้าตั้งร้านกันยาวเหยียด ประชากรกว่า 3 ล้านคนของเมืองนี้ ทำให้แอดดิส อาบาบาบางมุม ก็ดูน่าอึดอัด

บางมุมมีใบประกาศรับสมัครงานติดเป็นพรืด มีชาวเมืองมายืนแหงนคอมองกันอย่างจดจ่อ สะท้อนให้เห็นว่า งานการยังเป็นของหายากเสมอสำหรับที่นี่ แต่ถ้าเป็นเรื่องไมตรีและรอยยิ้มแล้วละก็ หาง่ายเสมอ

ใครๆ ก็บอกว่าแอดดิส อาบาบานั้นไม่กันดารอย่างที่คิดหรอก วิธีที่จะพิสูจน์ว่าเป็นแบบนั้นจริงหรือไม่ ต้องใช้บริการสองเท้าเดินเข้าหาเมือง และเพราะเลือกจึงเห็นภาพและบรรยากาศสนุกๆ อยู่เป็นประจำ

ที่นี่วัวก็เดินอย่างไม่ทุกข์ร้อนตรงกลางสี่แยก รถราก็ขับขี่กันให้ขวักไขว่

บรรดาแม่ค้ายังคงนั่งเฝ้าโชว์รูมของพวกเธออยู่บนพื้นดิน เสียงตะโกนเชื้อเชิญให้ขัดรองเท้ายังคงลอยลิ่วปลิวเข้าหูเป็นระยะ จะว่าไป บางอารมณ์บางมุม ที่นี่ก็เหมือนอินเดียในแอฟริกาเหมือนกัน เพราะทุกที่เป็นเตียงได้หมด

ใครนึกจะเอนหลังนอนตรงไหนก็เอกเขนกได้ตามริมทางอย่างไม่มีใครมาคอยมองด้วยสายตาหมิ่นหยาม และถ้าอยากเห็นสีสันของแอดดิส อาบาบา

คงไม่มีที่ไหนเหมาะเท่าตลาดอีกแล้ว เลยโบกแท็กซี่บอกให้ไปส่งที่เมอร์คาโต (Mercato) ตลาดประจำเมืองที่ชาวเอธิโอเปียโม้ว่า นี่คือตลาดกลางแจ้งใหญ่ที่สุดในโลก

แต่จากสภาพหน้าตาที่เห็น คล้ายว่าจะเป็นตลาดใต้ร่มที่เหมือนเมอรี่คิงส์คือมีทุกสิ่งให้เลือกสรร ตั้งแต่ผักปลา ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน ถ้วยถังกะละมังหม้อ เครื่องเทศ เสื้ออาภรณ์

ไปยังพวกเพชรและทองแต่ยิ่งเดินยิ่งรู้สึกว่า สถิติที่ยืนยันว่าเป็นตลาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ดูมีน้ำหนัก เพราะมีร้านรวงกว่า 7 หมื่นร้านอยู่ในตลาดแห่งนี้ เรียกว่า ถ้าใครคิดจะเดินดูร้านรวงให้ครบ เผลอๆ อาจต้องมาหลายรอบ

แค่โซนเสื้อผ้าอาภรณ์อย่างเดียวก็ทำให้ฉันมึนอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งพอย้ายตัวเองไปหาโซนเครื่องเทศ ยิ่งชุลมุน ยังไม่นับโซนเครื่องเงินเครื่องทอง ที่แวววาวไปทั้งเวิ้ง แต่ด้านหน้าก็ชุลมุนพอตัว โซนผักผลไม้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เบียดเข้าไปได้นี่

หาที่แทรกตัวออกมายากมาก ถ้าหากคุณเป็นคนไม่นิยมชมชอบการเบียดเสียด รังเกียจบรรยากาศชุลมุนวุ่นวาย ชิงชังฝุ่นควันที่ตลบอบอวล แนะว่าอย่ามาที่นี่ แต่ถ้าคุณโปรดปรานการดูสีสันของผู้คน และตลาดขนาดมหึมา มาที่นี่สมใจแน่

ขืนอยู่เมอร์คาโตนานกว่านี้ ฉันอาจจะต้องพึ่งพาราเซตามอล เลยอพยพตัวเองไปที่ตลาดชิโรมิดะ (Shiromeda Market) ตลาดที่คนแถวนั้นบอกว่า เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวมากกว่า เพราะมีแต่พวกข้าวของที่ระลึกที่น่าหิ้วกลับบ้าน

ที่นี่เป็นตลาดที่เต็มไปด้วยพวกของที่ระลึก ของแฮนด์เมด และพวกเสื้อยืดสกรีนลายสวยๆ มาวางขาย

พอนึกขึ้นได้ว่ายังมีโบสถ์อีก 2-3 แห่งที่ต้องดั้นด้นไปหา เลยรีบบอกลาตลาดชิโรมิดะ โบสถ์แรกที่เล็งไว้คือโบสถ์ทรินิตี้ ออร์ทอดอกซ์ (Trinity Orthodox Cathedral)

ต้องนั่งรถตู้จากหน้าตลาดไปลงที่ถนนอรัท กิโล (Arat Kilo Avenue) จุดที่เป็นเหมือนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิของแอดดิส อาบาบา ใครๆ ก็ไปต่อรถที่นั่นกัน ถ้าไปในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนจึงจะเห็นผู้คนไปรอต่อรถกลับบ้านกันที่นั่น

เพราะละแวกนั้นมีทั้งพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (National Museum) และมหาวิทยาลัยแอดดิส อาบาบา (Addis Ababa University) รวมถึงธนาคารและอาคารสำคัญๆ ของเอธิโอเปีย

จากอรัท กิโล เดินแค่ 5 นาทีก็ถึงโบสถ์ทรินิตี้ ออร์ทอดอกซ์ ที่จริงก่อนจะถึงโบสถ์ต้องผ่านทำเนียบรัฐบาลก่อน ที่นี่เป็นโบสถ์ที่มีผู้คนมานั่งอยู่ตามสวนริมโบสถ์กันเยอะ พวกเขามานั่งอ่านหนังสือ สนทนา และนัดพบกัน ก่อนจะเข้าสู่ศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา

จากโบสถ์ทรินิตี้ ออร์ทอดอกซ์ ฉันเดินกลับไปตั้งหลักที่อรัท กิโล คราวนี้ลองเปลี่ยนไปนั่งรถเมล์ดูบ้าง คนบนรถเหมือนทำงานการท่องเที่ยว เอธิโอเปียกันเสียหมด แค่รู้ว่าฉันกำลังถามหาป้ายรถเมล์เพื่อลงที่โบสถ์เมคาเน เซลาม เมดฮาเน อาเล็ม (Mekane Selam Medhane Alem Cathedral) ทุกคนก็กุลีกุจออาสาบอกพิกัดกันเสร็จสรรพ เรียกว่าไม่มีโอกาสหลง

โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นมาได้ 20 กว่าปีเท่านั้น มองจากด้านนอกจึงจะเห็นว่าโบสถ์นี้ค่อนข้างใหม่ ทุกวันนี้โบสถ์นี้มีผู้คนมาประกอบศาสนกิจไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะในวันอาทิตย์ที่นี่จะเนืองแน่น ไปด้วยคริสต์ศาสนิกชน

อาจไม่ใช่เมืองยอดนิยมลำดับต้นๆ เมื่อนึกถึงแอฟริกา แต่เมื่อได้รู้จักแอดดิส อาบาบาเพียงแค่เบาๆ ก็พอรู้แล้วว่าทำไมเมืองนี้จึงอยู่ในลิสต์เมืองน่าเที่ยว

 

– สายการบินเคนยา แอร์เวย์ส มีเที่ยวบินไปแอดดิส อาบาบาทุกวัน แวะเปลี่ยนเครื่องที่ไนโรบี คลิกเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.kenya-airways.com
– ในแอดดิส อาบาบามีที่พักให้เลือกไม่ใช่น้อย
– คนไทยไปเที่ยวเอธิโอเปีย ทำวีซ่า on arrival ได้ที่สนามบินเลย ไม่ต้องเตรียมเอกสารอะไรไป เตรียมเงินดอลลาร์ไปให้พร้อมเลย คนละ 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ