EASY MYANMAR อิ่มบุญ

Story by Editorial Staff

เมียนมา หรือพม่าที่เราเคยรู้จัก (พม่าเป็นชนกลุ่มหนึ่งในประเทศเมียนมา ซึ่งมีมากมายหลายชนเผ่าหลักๆ 7 ชนเผ่าใหญ่และกว่า 150 ชนเผ่าย่อย ทางการจึงเปลี่ยนชื่อเป็นเมียนมา) กำลังจะกลายเป็นประเทศยอดนิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่รัฐบาลเมียนมาได้มีนโยบายเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้าไปมากขึ้น ถือได้ว่าเป็นประเทศใหม่ที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว

ยิ่งคนที่ชื่นชอบวัดวาอารามและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว เมียนมามีแหล่งท่องเที่ยวเช่นนี้มากมาย การเดินทางครั้งนี้ เราเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่กับการไหว้พระ ทำบุญร่วมเดินทางไปกับพวกเรากันกับทริป Easy Myanmar อิ่มบุญ

Day 1
เริ่มต้นเช้าตรู่สำหรับการเดินทางทริป Easy Myanmar อิ่มบุญ ครั้งนี้ด้วยความสดชื่นพร้อมกับการดูแลอย่างดีของบริษัททัวร์ GoEasy Holiday ที่เตรียมเอกสารสำหรับการเดินทางและบริการเช็กอินให้เราเป็นไปด้วยความสะดวก

ใช้เวลาไม่นานเราก็ลัดฟ้าสู่เมืองหงสาวดี (Hanthawaddy) หรือเมืองพะโค (bago) ซึ่งในอดีตเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก่ที่สุดของ อาณาจักรมอญที่ยิ่งใหญ่และมีอายุมากกว่า 400 ปี ห่างจากเมืองย่างกุ้ง ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชั่วโมง เพื่อไปตักบาตรพระสงฆ์กว่า 1,000 รูปที่วัดไจ้คะวาย (Kyaike Kat Wine)

ที่นี่เป็นโรงเรียนสอนพระพุทธศาสนาเปรียญธรรมชั้นตรี โท เอก ที่มีชื่อเสียงของพม่า พ่อแม่ผู้ปกครองหลายๆ คนจะส่งลูกหลานมาบวชเรียนที่นี่กันมากมาย เราสามารถเข้าไปทำบุญถวายอาหารเพล หรือตักบาตร เป็นอุปกรณ์เกี่ยวกับสื่อการเรียนได้ เช่น สมุด ปากกา ดินสอ การได้เริ่มต้นการเดินทางด้วยการทำบุญเช่นนี้ทำให้รู้สึกปลื้มใจเป็นอย่างมาก

จากนั้นเราเดินทางต่อไปนมัสการเจดีย์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองและเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของประเทศเมียนมา อย่างเจดีย์ชเวมอดอร์ หรือพระธาตุมุเตา (Shwemawdaw) เหตุที่เรียกว่าพระธาตุมุเตา ที่แปลว่า “จมูกร้อน” เพราะกล่าวกันว่าพระเจดีย์องค์นี้สูงมากต้องแหงนหน้ามองจนต้องกับแสงแดดถึงจะมองเห็นยอดพระธาตุ เป็นเหตุให้แสงแดดที่แรงกล้าเผาจมูกจนแสบร้อน ซึ่งคำว่า จมูกร้อนในภาษามอญเรียกว่า “มุเตา” นั่นเอง อายุเจดีย์เก่าแก่กว่า 2,000 ปี ภายในบรรจุพระเกศาธาตุและพระเขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้า เดิมเป็นเจดีย์องค์เล็กศิลปะแบบมอญแท้ๆ ก่อนจะบูรณะแต่งเติมจนกลายเป็นพระเจดีย์ทรงมอญผสมพม่าอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

ถัดไปเป็นพระราชวังกัมโพชธานีหรือพระราชวังบุเรงนอง (Kanbawza Thardi Palace) เราคงเคยได้ยินชื่อของบุเรงนอง หรือผู้ชนะสิบทิศกันมาบ้างแล้ว ครั้งนี้เรามีโอกาสได้มาเยี่ยมชมพระราชวังซึ่งเป็นที่ประทับของพระองค์ตั้งแต่ พ.ศ. 2109 พระนเรศวรก็เคยประทับที่นี่ในระหว่างที่พระองค์ทรงเป็นองค์ประกัน

พระราชวังเดิมได้ถูกทำลายอย่างหนักในปี พ.ศ. 2142 และถูกทิ้งร้างมาเป็นร้อยๆ ปี ก่อนที่ทางรัฐบาลจะดำเนินการบูรณะโดยอ้างอิงจากภาพถ่ายเดิม และเปลี่ยนสถานะจากพระราชวังเป็นพิพิธภัณฑ์ พร้อมเปิดให้นักท่องเที่ยวเช่นเราได้ชมกัน แม้ว่าพระราชวังนี้จะไม่ใช่ของดั้งเดิมตั้งแต่อดีต แต่การจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ต่างๆ ก็พอ ทำให้เราทราบถึงความรุ่งเรืองในยุคสมัยนั้นได้

หนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงมากของประเทศเมียนมาคือ พระธาตุอินทร์แขวน ตั้งอยู่ที่เมืองไจก์โถ่ห่างจากเมืองหงสาวดีไปทางทิศเหนือระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร ระหว่างทางเราแวะที่ วัดพระไฝเลื่อน ไจ้ท์ปอลอ (kyaikpawlaw) เป็นอีกหนึ่งวัดที่ไม่ควรพลาด เพราะมีพระพุทธรูปที่เก่าแก่กว่า 2,000 ปี เรียกว่า พระไฝเลื่อน ไจ้ท์ปอลอ เหตุที่เรียกเช่นนั้นเพราะหลังจากที่ชาวบ้านอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้ มาจากน้ำ แล้วนำมาประดิษฐานที่วัด หลังจากปิดทองทั้งองค์ ก็พบว่า บริเวณหางคิ้วมีจุดดำๆ ขึ้น ซึ่งปิดเท่าไรก็ยังเป็นเช่นเดิม คล้ายกับเป็นไฝ ชาวบ้านจึงละเว้นปิดทองบริเวณนั้นและเรียกพระองค์นี้กันว่า พระไฝเลื่อน

สำหรับพระธาตุอินทร์แขวน หรือ ไจ้ก์ทิโย (Kyaikhtiyo) จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ ไจ้ก์ทิโย (Kyaikhtiyo) ในภาษามอญ หมายความว่า หินรูปหัวฤๅษี ตามความเชื่อล้านนาเชื่อว่าเป็น พระธาตุประจำปีเกิดปีจอ (ปีหมา) ที่คนเกิดปีนี้ต้องไปนมัสการสักครั้งหนึ่งในชีวิต

ลักษณะเดน่ของที่นี่ คือ ภาพก้อนหินสีทองขนาดใหญ่สูงกว่า 5.5 เมตร บนหน้าผาสูงชันที่มีลักษณะเหมือนว่าจะร่วงหล่นข้างล่าง แต่หินก้อนนี้ก็ไม่ร่วงแต่อย่างไร เป็นความอัศจรรย์ใจ มีความเชื่อที่เล่าต่อกันมาว่า หินก้อนนี้เป็นหินที่พระอินทร์นำมาแขวนเอาไว้ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ อินทร์แขวน จึงมีการสร้างเจดีย์ไว้บนก้อนหิน จำลองให้เป็นพระเกศแก้วจุฬามณี ซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีจอนั่นเอง

จากจุดที่รถบรรทุกขนาด 6 ล้อ พาพวกเรามาลงพักเป็นจุดที่ถ้าใครถนัดเดินก็เดินขึ้นได้ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง แต่หากใครไม่อยากเดินขึ้น สามารถใช้บริการลูกหาบ นั่งแคร่ฯ หามกันขึ้นไป คืนแรกของการเดินทางหลายคนเดินเข้าไปนั่งสมาธิที่วัดกัน ก่อนกลับมานอนพักผ่อนคืนแรกด้วยความอิ่มใจ

Day 2
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ หลายคนตื่นแต่เช้าออกไปใส่บาตรรับบุญกันแต่เช้าตรู่ บางคนก็เตรียมตัวเดินทางต่อเพื่อไปยังเจดีย์ไจ๊ปุ่น (Kyaikpun Pagoda) สถานที่ทำบุญของเราสถานที่ถัดไป

“ไจ๊” คือ พระหรือเจดีย์ “ปุ่น” คือ เลข 4 ดังนั้นพระเจดีย์ไจ๊ปุ่นคือ พระเจดีย์ที่มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์ 4 ทิศ นั่นเองโดยพระพุทธรูปทั้ง 4 สูงประมาณ 30 เมตร
แทนสมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าหันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ พระพุทธเจ้าโกนาคมโน หันพระพักตร์ไปทางทิศใต้ พระพุทธเจ้ากกุสันโธ หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก พระพุทธเจ้ามหากัสสปะ หันพระพักตร์ไปในทิศตะวันตก

สิ่งหนึ่งที่เราสังเกตได้คือพระพักตร์ของพระพุทธรูปพม่าจะมีไม่เหมือนกับพระพุทธรูปของบ้านเรา อย่างเช่นพระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว (Shwethalyaung Buddha) หรือพระนอนยิ้มหวาน ปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์อันดบั สองของเมืองหงสาวดี รองจากพระมหาธาตุมุเตา ทีมี่ความยาว 181 ฟุต สูง 50 ฟุต สร้างโดยพระเจ้าเมงกะติปะ พ.ศ.1537 ในสมัยมอญเรืองอำนาจ

เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะสวยงามในแบบของมอญ และเป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่ารวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ จุดเด่นของพระนอนยิ้มหวานองค์นี้คือ บริเวณพระบาทเหลื่อมพระบาท ไม่เสมอกันเหมือนพระพุทธรูปปางไสยาสน์ของไทย เล่าขานว่าเป็นพระรูปสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในคืนก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน นั่นเอง

หลังจากกินอาหารกลางวัน เราก็ไปชมพระนอนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเมียนมาพระพุทธ
ไสยาสน์เจาทัตยี (Chauk Htat Gyi) หรือพระนอนตาหวาน
ด้วยความสูงถึง 6 ชั้น ยาวกว่า 70 เมตร รูปทรงของพระพักตร์ จีวรที่ละเอียดอ่อนราวกับปลิวไสวได้ ประกอบกับดวงตาที่ทำจากแก้ว แวววาวทำให้พระพุทธรูปองค์นี้มีแววตาที่อ่อนหวานมีเมตตา

ที่ปลายสุดพระบาทมีภาพวาดลายธรรมจักร ฝ่าพระบาท รายล้อมด้วยรูปมงคล 108 ประการ แสดงถึงโลกทั้งสาม บริเวณวัดค่อนข้าง จะเงียบสงบ จึงไม่แปลกที่จะเห็นพุทธศาสนิกชนชาวเมียนมามานั่งวิปัสสนา ทำสมาธิกัน สำหรับนักท่องเที่ยวหากกราบพระเสริมสิริมงคลเรียบร้อยแล้ว สามารถเดินสำรวจรอบๆ ขัดเกลาจิตใจให้สงบสุขได้

Yangon, Myanmar at Maha Wizaya Pagoda.

ก่อนไปมหาเจดีย์ชเวดากอง ติดๆ กันคือ เจดีย์มหาวิชชยะ (Maha Wizaya Pagoda) อยู่ทางทิศใต้ของเจดีย์ชเวดากอง ที่นี่ มักจะไม่ค่อยแวะกัน แต่ภายในเจดีย์สีขาวทองของที่นี่มีห้องโถงที่มีภาพวาดต้นโพธิ์ที่สวยงามมาก ไม่ควรพลาดที่จะแวะก่อนที่จะไปที่ มหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) หากมาเมียนมาแล้วไม่มาที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงเมียนมาก็ว่าได้

มหาเจดีย์ที่สวยงามที่สุดในโลกอีกแห่งหนึ่ง องค์เจดีย์หุ้มด้วยทองคำแผ่นบริสุทธิ์กว่า 9 ตัน ประดับอัญมณีล้ำค่ากว่า 5,000 ชิ้นทั้ง เพชร นิล ทับทิม ไพลิน บุษราคัม ปลายยอดฉัตรประดับเพชรขนาดใหญ่ถึง 76 กะรัต

ยามค่ำคืนจะเห็นประกายของเพชรถึง 7 สี กระดิ่งทองคำเงินและทองกว่า 1,500 ใบ ส่งเสียงกังวานไพเราะยามเมื่อลมพัดสร้างความรู้สึกอิ่มเอิบใจเป็นที่สุด

บริเวณลานรอบเจดีย์เราจะเห็นผู้คนหลากหลายชนชาตินั่งสวดภาวนาและตั้งจิตอธิษฐานกันเป็นภาพที่คุ้นตา เชื่อกันว่าหากได้มาอธิษฐานจิตที่นี่สิ่งที่ตั้งใจนั้นจะสมหวัง เราจะเห็นบางคนเดินไปสรงน้ำพระพุทธรูปและสัตว์ประจำวันเกิดที่ตั้งอยู่รอบๆ

ด้วยความเชื่อที่ว่า การสรงน้ำเช่นนี้จะสร้างความสุข ความเจริญแก่ผู้ที่สรงน้ำ บริเวณวัดโดยรอบแม้ผู้คนจะมากมาย แต่กลับดูสงบอย่างไม่น่าเชื่อ ไฮไลต์สำหรับการเดินทางของเราครั้งนี้อยู่ที่โรงแรมที่พักที่สุดแสนพิเศษของเมืองย่างกุ้ง

โรงแรม Lotte hotel yangon โรงแรมระดับ 5 ดาวที่สามารถเห็นวิวเมืองย่างกุ้งได้อย่างสวยงาม ห่างจากมหาเจดีย์ชเวดากองไม่ถึง 5 กิโลเมตร

บางห้องหันไปด้านวิวทะเลสาบสวยมาก ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นค่ำคืนการพักผ่อนที่เมืองหลวงของเมียนมาอย่างรื่นรมย์ทีเดียวสำหรับทริปนี้

Day 3
การเดินทางเส้นทางบุญก็มาถึงวันเดินทางกลับ แต่เรายังสามารถแวะนมัสการรสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญได้อย่างเจดีย์โบตาทาวน์ (Botataung Pagoda) คำว่า โบตาทาวน์ หมายถึง นายทหาร 1,000 นาย

สร้างขึ้นเพื่อรับพระเกศาของพระพุทธเจ้าก่อนที่จะถูกนำไปบรรจุในพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ที่นี่จึงมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าจะเป็น

พระพุทธรูปปางมารวิชัยทองคำที่ประดิษฐานอยู่ในวิหาร ใกล้ๆ กับวิหารพระทองคำ ในตู้กระจกแก้วมีพระเขี้ยวแก้วอยู่ หรือทางด้านซ้ายของวิหารเป็นที่ตั้งของ นัตโบโบยี (Natbobo Gyi) หรือเทพทันใจที่รู้จักกันดีนัต คือ เทพองค์หนึ่งในจำนวน 37 องค์ของพม่า

เป็นเทพผู้ปกปักรักษาและบันดาลโชค “นัต” มาจากคำว่า นาถะ ในภาษาบาลีที่แปลว่า “ที่พึ่ง” นัตโบโบยีเป็นเทพที่มีชื่อเสียงมากในแง่ของการอธิษฐานแล้วสมดังปรารถนาทันใจ จึงไม่แปลกใจที่จะเห็นทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเข้าแถวต่อคิวยาวเหยียดมาขอพรกับท่าน อีกหนึ่งเทพคือเทพกระซิบ หรืออะมาดอว์เมี้ยะ (Ahmagyi Mya Nan New) อยู่ตรงข้ามวัดโบตาทาวน์ เล่ากันว่านางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต ปกติชาวเมียนมาเองเคารพกราบไหว้กันอยู่แล้ว แต่มาวันหนึ่งนักท่องเที่ยวชาวไทยเห็นป้ายหน้าศาลปิดประกาศว่าห้ามส่งเสียงดัง และเข้าใจกันไปว่า ถ้าจะอธิษฐานห้ามพูดดังเลยเกิดธรรมเนียมการกระซิบขึ้นมา ต่อมามีคนสมปรารถนาจากคำอธิษฐานจึงเกิดเป็นธรรมเนียมถ้ากระซิบขอจะได้รับผล สมคำอธิษฐานนั่นเอง

เดินทางทำบุญมาหลายวัน หลายคนที่ยังไม่ได้จับจ่ายซื้อของฝาก ถึงเวลาเสียทีกับตลาดเก่าแก่ของเมียนมา ตลาดโบโจ๊กอองซาน (Bogyoke Aung San) หรือ ตลาดสกอต (Scot Market) เหตุที่เรียกว่าตลาดสกอตเพราะสร้างโดยชาวสกอตสมัยยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษนั่นเอง ที่นี่มีสินค้าแทบทุกชนิดวางขายไม่ว่าเสื้อผ้า เครื่องสำอาง อัญมณี เครื่องประดับ สมุนไพร งานไม้แกะสลัก ภาพวาดสีน้ำมันที่นี่สวยมาก ราคาสามารถต่อรองกันได้ บางทีท่านอาจจะได้ของดีหายากในราคาย่อมเยาหรือถูกกว่าครึ่งหนึ่งของราคาที่เสนอครั้งแรกก็เป็นได้

ช่วงบ่ายก่อนกลับเราแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ไกลสนามบินมากนักได้แก่วัดบารมี (Barami Pagoda) เพื่อสักการะพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าถ้านำพระเกศาธาตุมาวางไว้บนมือจะเคลื่อนไหวได้ ส่วนที่วัดพระหินอ่อน (Lawka Chantha Abaya Labamuni Buddha Image หรือ Kyauk Taw Gyee pagoda) หรือวัดพระเจ้าต่อจี

พระหินอ่อนของที่นี่สร้างจากหินขาวที่มีลักษณะมันวาว สีขาวสะอาดและไม่มีตำหนิเพียงก้อนเดียวจากช่างฝีมือเมืองมัณฑะเลย์ ประทับนั่งหันพระหัตถ์ออกจากพระองค์ ซึ่งหมายถึงการไล่ศัตรูและประทานความเจริญรุ่งเรือง พระหัตถ์ขวาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่มาจากสิงคโปร์และศรีลังกา ทั้งสองวัดสามารถแวะก่อนไปสนามบินได้

ไม่ไกลกันนั้น เป็นปางช้างเผือกหลวง (Royal White Elephant Garden) อย่างที่เราทราบ กันดีว่าช้างเผือกถือได้ว่าเป็นสัตว์หายากคู่บุญบารมีของพระมหากษัตริย์เนื่องจากที่เมียนมาไม่ได้ปกครองด้วยระบบกษัตริย์แล้ว ทางรัฐบาลจึงได้ดูแลช้างเผือกไว้ที่ศูนย์แห่งนี้ซึ่งมีถึง 3 เชือกที่สำคัญสามารถเข้าชมได้ฟรี

ปิดท้ายการเดินทางด้วยการจับจ่ายใช้สอยส่งท้ายที่มาร์เกตเพลส (Market Place) ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ด้วยการจัดการเวลาที่ดีของบริษัททัวร์ GoEasy Holiday ทำให้การเดินทาง มาทำบุญในประเทศเมียนมาของเราในครั้งนี้ทั้งง่ายและสะดวกสบายและเต็มอิ่มตลอดทั้ง 3 วัน ได้ทำบุญ ได้เที่ยวในที่ท่องเที่ยวใหม่ และได้ของฝากที่ถูกใจผู้รับการเดินทางครั้งต่อไปไม่พลาดที่จะเดินทางไปกับบริษัททัวร์ GoEasy Holiday อย่างแน่นอน

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0