Danang : ดานัง ยุโรปแห่งเอเชีย

Story by Editorial Staff

ภาพสะพานที่วางอยู่บนมือขนาดใหญ่ และสถาปัตยกรรมแบบยุโรป บนยอดเขาที่มีม่านหมอกลอยผ่าน ราวกับภาพฝัน น่าจะเป็นภาพแรกที่หลายคนนึกถึงได้ หากพูดถึง เมืองดานัง (Danang) ประเทศเวียดนาม ถือว่าเป็นปลายทางการท่องเที่ยวสำหรับนักเดินทางที่มีระยะเวลาพักไม่มากแต่ต้องการกลิ่นอายของยุโรป ที่สำคัญการันตีด้วยอากาศที่แสนบริสุทธิ์ของเวียดนาม ทำให้ผมไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย เมื่อเคลียร์งานเสร็จ มีเวลาพัก 3-4 วัน ผมจึงเลือกสายการบินไทยเวียตเจ็ท มุ่งตรงสู่เมืองดานังทันที

Danang - Vietjet

เครื่องบิน Airbus A320 ของสายการบินไทยเวียตเจ็ท พาผมเหินฟ้าจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ สู่ท่าอากาศยานนานาชาติดานัง ของเวียดนาม โดยใช้เวลาบินเพียง 1 ชั่วโมง 40 นาที เที่ยวบินที่เดินทางมาดานังนั้นมีหลากหลายช่วงเวลามาก สามารถตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารได้ทุกช่วงเวลา อย่างเช่นขาไป จากกรุงเทพฯ สู่ดานังก็มีเที่ยวเช้า 10.50 น. และมีเที่ยวบ่าย 13.35 น. ให้คุณได้เลือกว่าจะเดินทางไปกินข้าวแล้วเที่ยวต่อ หรือไปถึงแล้วเดินตลาดกลางคืน นอนหลับสักตื่นแล้วลุยวันหยุดก็ย่อมได้ ขากลับยิ่งสะดวกมีตั้งแต่ 11.15 น. เอาใจคนตื่นเช้า 13.15 น. เอาใจคนออกสาย หรือ 18.10 น. สำหรับคนที่อยากเที่ยวอย่างเต็มที่

Danang - Marble Mountain 110991615

หลังจากผมมาถึงดานัง สถานที่แรกที่ผมเลือกที่จะไป ไม่ใช่บานาฮิลล์ที่เลื่องชื่อของดานังแต่เป็น ภูเขาหินอ่อน (Marble Mountain) ภูเขาหิน 5 ลูกที่เรียงตัวกันขึ้นเหนือเมืองดานัง ภูเขาแต่ละลูกตั้งชื่อตามธาตุธรรมชาติ คือ ไม้ โลหะ ดิน ไฟ และน้ำ ที่นี่เป็นจุดที่เราจะเห็นเมืองดานังในมุมสูงได้อย่างเต็มตา อยู่ห่างจากตัวเมืองดานังประมาณ 11 กิโลเมตร และห่างจากท่าอากาศยาน นานาชาติดานังประมาณ 12.4 กิโลเมตร ถนนเส้นทางเดียวกับที่ไปฮอยอันใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 30 นาทีก็ถึง การเดินทางในดานังสามารถเรียกใช้บริการ Grab ได้อย่างสะดวก

ภูเขาลูกที่สูงที่สุด คือ ภูเขาธาตุน้ำ (ภาษาเวียดนามเรียก Thuy Son) มีความสูงถึง 500 เมตร ซึ่งด้านบนภูเขาก็มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปตามบันไดหินขึ้นสู่ยอดเขาได้ แต่ผมเรี่ยวแรงไม่ค่อยมีเลยใช้บริการลิฟต์แก้ว ราคาประมาณ 15,000 VND ต่อเที่ยวเท่านั้น นอกจากจะมีศาสนสถานไม่ว่าจะเป็นเจดีย์ 7 ชั้น วัด แล้วยังมีถ้ำ Huyen Khong มีรูปปั้นทำจากหินอ่อน ที่ผู้คนนิยมไปสักการะ หากมีเวลาสามารถไปเดินชมภูเขาลูกอื่นๆ ได้ เช่น ภูเขาธาตุโลหะ (หรือ Kin Son ในภาษาเวียดนาม) ก็มี เจดีย์ Quan Am อยู่ด้านบนเขา ด้านหลังเจดีย์มีหินงอกหินย้อยที่สวยงามให้ชมมากมาย

Linh Ung Pagoda in Danang

อีกหนึ่งจุดชมวิวมุมสูงของเมืองดานังคือ ที่วัดหลินอึ๋ง (Linh Ung Temple) หรือวัดเจ้าแม่กวนอิม (Lady Buddha) ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาเหนือน้ำทะเล 200 เมตร ห่างจากตัวเมืองดานังมาประมาณ 10 กิโลเมตร ความพิเศษของที่นี่ คือมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม สูง 67 เมตร (หรือเท่ากับตึก 30 ชั้น) หันหน้าออกไปทางทะเล ตั้งอยู่บนฐานดอกบัว ฐานกว้าง 35 เมตร นับเป็นรูปปั้นองค์เจ้าแม่กวนอิมที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก

Majestic view of the Lady Buddha (the Bodhisattva of Mercy)

แม้ที่นี่จะเป็นวัดใหม่สร้างเสร็จเมื่อปี 2010 ใช้เวลาสร้าง 6 ปี แต่ชาวดานังเคารพและศรัทธามาก เชื่อกันว่าท่านช่วยปกป้องภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างพายุไต้ฝุ่น ที่เคยเข้ามาทำลายเมืองดานังจนเสียหายหนักแล้วครั้งหนึ่ง เพราะหลังจากสร้างเจ้าแม่กวนอิมเสร็จ เมืองดานังไม่เคยเกิดพายุไต้ฝุ่นขั้นรุนแรงอีกเลย สำหรับองค์เจ้าแม่กวนอิมที่วัดหลินอึ๋ง ขึ้นชื่อในการขอพรเรื่องสุขภาพ ทำมาค้าขาย แคล้วคลาด และเรื่องการขอบุตร ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่จะเห็นผู้คนหลากหลายเชื้อชาติเข้ามานมัสการองค์เจ้าแม่อย่างมากมาย

My Khe city beach, Danang

ดานังเป็นเมืองที่โชคดีที่มีทั้งภูเขา สายน้ำ และชายหาด หากใครไม่ชอบภูเขาแต่ชอบทะเล ก็ไม่ต้องกังวล ตามไปชมทะเลสวย ชายหาดสีขาวทอดยาวและไม่วุ่นวายอย่างหาดหมีเคว (My Khe Beach) อยู่ห่างจากตัวเมืองดานังไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 6.4 กิโลเมตรไม่เกินจากวัดหลินอึ๋งมากนัก สามารถเดินทางไปโดยรถยนต์ แท็กซี่ หรือนั่งรถประจำทางจากในเมืองไปได้ มีป้ายรถเมล์อยู่หลายจุดใกล้ชายหาดสามารถเดินไปได้ หาดนี้มีชื่อเสียงมาก เพราะมีแนวชายหาดที่กว้างขวาง เนื้อทรายขาวละเอียด ยาวถึง 10 กิโลเมตร ในช่วงสงครามหาดนี้เป็น R&R หรือ Rest & Recreation เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของทหารอเมริกันในอดีต เรียกว่า หาดไชน่า (China Beach) ภายหลังสงครามสิ้นสุด หาดนี้ก็เป็นที่นิยมของคนท้องที่และเหล่านักท่องเที่ยว ยามที่ท้องทะเลเงียบสงบ สายลมอ่อนๆ เก้าอี้ชายหาดที่หลังคามุงจากตั้งเรียงรายตลอดแนวหาด คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่นอนเอนและมองดูน้ำทะเลสีฟ้าอมเขียวกัน บ้างก็เดินเล่นริมชายหาด ทำกิจกรรมทางน้ำไม่ว่าจะเป็นว่ายน้ำ เล่นสกีน้ำ ดำน้ำ หรือบางครอบครัวก็ออกมาปิกนิกเพลิดเพลินกันตามอัธยาศัย สำหรับใครที่ไม่ได้เตรียมอุปกรณ์มาแต่อยากสนุกกับกิจกรรมก็ไม่ต้องกังวล เพราะบริเวณริมชายหาดจะมีร้านค้า ร้านอาหารและคาเฟ่ให้บริการ

Dragon bridge over river

นอกจากภูเขา ทะเลและวัดแล้ว อีกหนึ่งสัญลักษณ์ประจำเมืองดานังคือ สะพานมังกร (Dragon Bridge) สะพานแห่งนี้สร้างเชื่อมต่อระหว่างเมืองดานังและสนามบิน ข้ามผ่านแม่น้ำฮาน (Han River) แม่น้ำสายหลักสำคัญของดานัง โดยสะพานมังกรนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของดานัง เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นคืนประเทศ เป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงเป็นการเฉลิมฉลองการครบรอบ 38 ปีที่เมืองดานังได้รับอิสรภาพ ด้วยสถาปัตยกรรมที่บวกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานของเวียดนามเมื่อกว่าหนึ่งพันปีมาแล้ว เปิดใช้งานตั้งแต่ปี 2013 ที่ผ่านมา ความพิเศษของสะพานมังกรคือที่นี่มีความยาว 666 เมตร พร้อมถนนกว้าง 6 เลน และทุกๆ คืนวันเสาร์และอาทิตย์ นอกจากที่ตัวมังกรจะเปลี่ยนสีสันไปมาอย่างสวยงามแล้ว เมื่อถึงเวลา 21.00 น. มังกรสีเหลืองทองยังจะพ่นไฟและน้ำโชว์ อย่างละร่วมสิบกว่าลูก เป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่ควรชมของที่นี่ ใกล้ๆ กันนั้นมี ตลาดฮาน (Han Market) แหล่งรวบรวมสินค้ามากมายเป็นที่นิยมทั้งชาวเวียดนามและชาวไทย สินค้าที่เด่นๆ คือ งานหัตถกรรม เช่น ภาพผ้าปักมืออันวิจิตร โคมไฟ ผ้าปัก กระเป๋าปัก ตะเกียบไม้แกะสลัก ชุดอ๋าวหย่าย (ชุดประจำชาติเวียดนาม)

Danang - Banana hills 84295752

ไฮไลต์หลัก สถานที่ที่ขึ้นชื่อว่าต้อง Must Go ของเมืองดานังคงหนีไม่พ้นสถาปัตยกรรมสไตล์ฝรั่งเศสบนยอดเขาบานาฮิลส์ (Ba Na Hills) อยู่ห่างจากตัวเมืองดานังประมาณ 40 กิโลเมตร ในอดีตเคยเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศของชาวฝรั่งเศส ในยุคที่เวียดนามอยู่ภายใต้การปกครอง จึงก่อสร้างอาคารบนยอดเขาให้มีบรรยากาศราวกับยกยุโรปมาไว้ที่นี่ จนในปี 2009 ได้มีการก่อสร้างกระเช้าขึ้นไปบนยอดเขา กระเช้าของที่นี่เป็นรางเดียวแบบไม่หยุดแวะระหว่างทาง ที่ยาวที่สุดในโลกถึง 5,042 เมตร และสูงที่สุดในโลกถึง 1,291 เมตร ใช้เวลาถึง 50 นาทีในการนั่งกระเช้า เป็นกระเช้าซึ่งได้รับการบันทึกจาก Guinness World Records ว่าเป็นกระเช้าที่มีความยาวที่สุดในโลก ค่าขึ้นกระเช้าราคาคนละ 550,000 ดอง (850 บาท) รวมราคาค่าขึ้นกระเช้า และค่าสวนสนุกด้านบนด้วย เราสามารถไปเที่ยวแบบเช้ากลับเย็น หรือค้างคืนด้านบนก็ได้

Cable car above hill forest

สำหรับอากาศด้านบนค่อนข้างจะเย็นกว่าด้านล่าง เพราะอยู่บนเทือกเขาสูงในช่วงหน้าหนาว ตอนที่คุณนั่งกระเช้า จะเหมือนกำลังทะลุสายหมอกไปโผล่ที่เมืองเทพนิยายสไตล์ยุโรปกันเลยทีเดียว แต่ผมมาหน้าร้อน หมอกไม่ค่อยเยอะ แต่อากาศเย็นใช้ได้ทีเดียวศูนย์กลางของบานาฮิลส์คือ หมู่บ้านฝรั่งเศส (French Village) ที่ได้กลิ่นอายมาจากหมู่บ้านฝรั่งเศสสมัยยุคกลาง มีการจำลองโบสถ์ Notre-Dame ในกรุงปารีส มีร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก และที่นี่ยังมีสวนสนุกที่ชื่อ Fantasy Park ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นดิสนีย์แลนด์แห่งเวียดนามเลยก็ว่าได้ สวนสนุกนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนวนิยายของจูลส์ เวิร์น (Jules Verne) เรื่อง Journey to the Center of the Earth และ 20,000 Leagues Under the Sea เครื่องเล่นส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องเล่นในร่ม มีตั้งแต่เครื่องเล่นธรรมดาไปจนเครื่องเล่นที่หวาดเสียวระทึกใจ มีภาพยนตร์ทั้งแบบ 3 มิติไปจนถึง 5 มิติให้ได้ชม แนะนำว่าอย่าพลาดเครื่องเล่นกลางแจ้ง Alpine Coaster เป็นรถรางที่จะเคลื่อนตัวไปรอบๆ บานาฮิลส์ให้เห็นทัศนียภาพโดยรอบได้แบบ 360 องศา

Flower garden at Ba Na Hills, Da Nang, Vietnam

จุดหนึ่งที่ผมชอบมากคือ สวนดอกไม้สไตล์ฝรั่งเศสที่ชื่อสวนแห่งความรัก Le Jardin d’ Amour ซึ่งแบ่งเป็น 9 โซนด้วยกันได้แก่ Legend Garden, Mo Spring Garden, Memory Garden, Thought Garden, Love Garden, Heaven Garden, Holy Garden, Secret Garden, และ Grape Garden โดยแต่ละสวนก็จะตกแต่งตามคอนเซปต์ของแต่ละสวน มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะไปหมด และที่เที่ยวใหม่สุดที่เรียกได้ว่า ทุกคนต้องมาถ่ายรูปคือ สะพานลอยฟ้าสีทอง (Golden Bridge) เพิ่งเปิดไปเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2561 เป็นสะพานสีเหลืองทองที่ยาว 150 เมตร สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,414 เมตร โค้งไปตามแนวเขา โดยฐานที่รองรับสะพานสร้างเป็นรูปอุ้งมือขนาดใหญ่ที่แบกรับสะพานนี้เอาไว้ คนนิยมกันมาก ใครไม่มาถ่ายถือว่าไม่ได้มาบานาฮิลส์กันเลย สำหรับบานาฮิลส์ ผมแนะนำว่าควรมาค้างสัก 1 คืนเป็นอย่างน้อย คุณจะได้เห็นภาพยามเช้าของเมืองดานัง ที่สวยที่สุดอีกจุดหนึ่ง

Golden Bridge in hands Da Nang, Vietnam - Ba Na Hills Park. The new symbol of Vietnam. Bright Sunrise at the bridge.

ดานังเคยเป็นเมืองท่าที่รุ่งเรืองมากในอดีต ทำให้มีการวางโครงสร้างสาธารณูปโภค รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน ร้านอาหาร ร้านค้า ที่พัก รีสอร์ต ศูนย์การค้าและสถานที่อีกมากมาย ที่ผสมผสานไว้กับวัฒนธรรม ประเพณี ความเป็นอยู่ของหมู่บ้านดั้งเดิม ดังนั้นจึงไม่แปลกนักที่เราจะเห็นภาพของวิถีชีวิตของชาวเมือง อย่างเรือกระจาดที่อยู่ตามชายฝั่งทะเล ผสมอย่างลงตัวกับกิจกรรมทางน้ำสมัยใหม่ เป็นเสน่ห์ที่ครั้งหนึ่งคุณควรมาสัมผัสกับที่นี่ ดานังยุโรปแห่งเอเชีย

 

VietJet_Air_logo

สนใจสำรองที่นั่ง ได้ที่ https://www.vietjetair.com

ดานัง เมืองท่าสำคัญของเวียดนามกลาง อยู่ริมชายฝั่งทะเลจีนใต้ เราสามารถเดินทางไปได้หลายเส้นทาง แต่แนะนำให้เดินทางไปโดยเครื่องบิน ในราคาย่อมเยากับสายการบินไทยเวียตเจ็ทมีเที่ยวบินตรงทุกวัน วันละ 3 เที่ยวบิน จากกรุงเทพฯ สู่ดานัง
– เที่ยวไป เวลา 09.00 น. ถึงดานัง 10.40 น. หรือเวลา 10.50 น. ถึงดานัง 12.30 น. และ 15.50 น. ถึงดานัง 17.30 น.
– เที่ยวกลับ เวลา 11.15 น. ออกจากดานัง ถึงกรุงเทพฯ 12.55 น. หรือ เวลา 13.15 น. ออกจากดานัง ถึงกรุงเทพฯ 14.55 น. และเวลา 18.10 น. ออกจากดานัง ถึงกรุงเทพฯ 19.50 น.

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0