Favorite Route : DANANG – HUE-HOI AN (ดานัง เว้ ฮอยอัน)

Story by Editorial Staff

หากจะให้ปักหมุดเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม สำหรับเวียดนามกลางแล้วละก็ ชื่อ ดานัง (Danang), เว้ (Hue), ฮอยอัน (Hoi An) คงไล่บี้กันมาแบบสูสีเป็นแน่แท้ แต่เราไม่จำเป็นต้องเลือกว่าจะไปเมืองไหนเลยเพราะเราสามารถเดินทางไปทั้ง 3 เมืองได้ในคราเดียวกันในวันหยุดพักร้อนสุดพิเศษของคุณเ ริ่มต้นจากเข้าเว็บไซต์ของสายการบิน ไทยเวียตเจ็ท

Vietjetairline-A321xlr 5

จองตั๋วเครื่องบินเพื่อบินตรงจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ สู่ท่าอากาศยานนานาชาติ ดานังประเทศเวียดนาม ด้วยเที่ยวบินที่มากถึง 3 เที่ยวบินต่อวันครอบคลุมทุกช่วงเวลา เช้า สาย บ่าย ตามใจที่คุณต้องการใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง 40 นาที คุณก็มายืนกินลม ชมวิวอยู่ที่ดานังได้แล้ว

ฮอยอัน ผมรักเธอ
ครั้งที่แล้วผมเคยแวะเที่ยวดานังไปแล้ว ดังนั้นการเดินทางครั้งนี้หลังจากลงเครื่อง ออกจากสนามบินผมมุ่งหน้าเดินทางไปยังเมืองฮอยอัน (Hoi An) ในทันที เราสามารถเรียกรถสาธารณะทั้งแท็กซี่และแกร็บจากที่สนามบินได้เลย ใช้เวลาอีกชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงที่พัก งัดเอาชุดประจำชาติเวียดนามหรือชุดอ่าวหญ่าย (Ao dai) ขึ้นมาเลย

danang-hue-hoian 3042078

จุดถ่ายรูปแรกของเราอยู่เมืองโบราณฮอยอัน (Hoi An Ancient Town) ภาพของโคมไฟที่แขวนประดับตามตึกสีมัสตาร์ดสไตล์ชิโนโปรตุกีสผสมผสานโคโลเนียลกับยานพาหนะ ทั้งจักรยาน สามล้อและเรือแจว พร้อมทั้งกลิ่นกาแฟหอมกร่นุ

danang-hue-hoian 1838299_1920

จากคาเฟ่เล็กๆ มุมหนึ่งของเมืองเป็นเสมือนสัญญาณต้อนรับที่ดีจากเมืองโบราณแห่งนี้ ฮอยอันหรือโห่ยอานเป็นเมืองริมชายฝั่งทะเลจีนใต้ที่มีขนาดเล็ก แต่ในช่วงศตวรรษที่ 16-17 ที่นี่กลับเป็นเมืองท่าที่คับคั่งไปด้วยผู้คนหลากหลายชนชาติทั้ง จีน ญี่ปุ่น ดัตช์ อินเดีย ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนซื้อขายและพัฒนาเมือง หลอมรวมเป็นวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวจนทำให้หลายคนตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบสำหรับที่นี่

danang-hue-hoian 2139871

ในช่วงกลางวันจะเห็นผู้คนออกมาเดินชมเมือง แวะจิบกาแฟ และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่แทรกตัวตลอดเส้นทางของเมือง ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือน หรือหมู่บ้านอาณานิคมที่อยู่ติดกับศาลเจ้าของชาวจีน ส่วนกลางคืนเราจะเห็นผู้คนกับกระทงเทียน เรือนำเที่ยวและแสงสีจากโคมไฟกระดาษที่ถูกจุดยามตะวันลาลับขอบฟ้า

danang-hue-hoian 2140906

ความสวยงามเช่นนี้ทำให้เมื่อปี 2542 องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเขตเมืองเก่าของฮอยอันให้เป็นมรดกโลกสำหรับการท่องเที่ยวเมืองโบราณแห่งนี้มีการเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อบำรุงเมืองอยู่ที่คนละ 120,000 VND สามารถเข้าชมสถานที่ประวัติศาสตร์ได้ 5 แห่ง

Tan Ky Courtyard 2

หนึ่งในกิจกรรมที่หลายคนชอบทำเวลามาที่นี่ คือ การเยี่ยมชมภายในบ้านโบราณของย่านเมืองเก่า จากบัตรที่คุณซื้อมาจะเลือกเข้าชมได้ 1 หลัง นอกนั้นต้องจ่ายเงินเพิ่ม ซึ่งโดยมากจะเลือกบ้านเลขที่ 101 บ้านประจำตระกูล Tan Ky เพราะค่อนข้างโดดเด่นเรื่องสวยงาม บ้านไม้ทั้งหลัง ไม่มีหน้าต่าง เหนือบานประตูประดับเครื่องหมายสัญลักษณ์หยิน-หยาง ภายในบ้านมีการจัดแบ่งพื้นที่ห้องเป็นสัดส่วนอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุดสมัยก่อน ห้องรับแขก และห้องครัวภายในมีบ่อน้ำตั้งอยู่กลางบ้านเหมือนบ้านชาวจีน ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี แต่นอกจากนี้ยังมีเช่น บ้านเลขที่ 77 ที่มีอายุกว่า 80 ปี หรือ บ้านเลขที่ 22 บ้านเก่า 2 ชั้น ของชาวจีนที่เข้ามาติดต่อเพื่อซื้อขายอบเชย สร้างมาเกือบ 90 ปีแล้ว ภายในแบ่งเป็น 2 ช่วงคือ บ้านไม้ และบ้านปูนเก่าสร้างอย่างประณีต เป็นครอบครัวใหญ่ที่เปิดให้เข้าเยี่ยมชมได้

danang-hue-hoian 1258554

สถานที่สำคัญอื่น เช่น สะพานญี่ปุ่น (Japanese Covered Bridge) หนึ่งในสถาปัตยกรรมแห่งศตวรรษที่ 17 เป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพและมิตรภาพ เดิมสร้างขึ้นโดยชุมชนชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในเมืองฮอยอันเพื่อให้ชาวญี่ปุ่นได้ทำการค้ากับพ่อค้าชาวจีนที่อาศัยอยู่บนฝั่งทิศตะวันออกของคลองได้ ปัจจุบันสะพานแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและจุดถ่ายรูปที่สำคัญสะพานทอดข้ามคลองเพื่อกั้นแบ่งเขตชุมชนของชาวญี่ปุ่น มีรูปทรงโค้ง หลังคามุงกระเบื้องดินเผาโบราณสีเหลืองและเขียว ขณะเดินเข้าและออกจากสะพานปลายสะพานด้านหนึ่งมีรูปปั้นสุนัข ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งเป็นรูปปั้นลิงแฝงความหมายว่าสะพานนี้เริ่มสร้างในปีวอก และสร้างเสร็จในปีจอนั่นเอง ป้ายไม้บริเวณทางเข้าสะพานถูกนำมาแขวนไว้ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1700 แต่เปลี่ยนชื่อสะพานจาก “สะพานญี่ปุ่น”เป็น “สะพานแด่นักเดินทางจากแดนไกล” การข้ามสะพานจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเล็กน้อย

danang-hue-hoian 1258559

หรือจะเป็นสมาคมฟุกเกี๋ยน (Phuc Kien Assembly Hall) สมาคมเก่าแก่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองฮอยอัน สร้างขึ้นโดยผู้ที่อพยพมาจากเมืองฟุกเกี๋ยนที่มีแซ่เดียวกัน เพื่อรำลึกถึงถิ่นกำเนิดที่จากมา บูชาบรรพบุรุษ

danang-hue-hoian 1258564

ตลอดจนใช้เป็นพื้นที่พบปะสังสรรค์ของคนหลายรุ่นภายในสมาคมมี 3 อาคารหลัก คือ ลเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ศาลบรรพบุรุษชาวฟุกเกี๋ยน และศาลเจ้าแม่ทับทิม(เทียนเห่า) ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีน เราจึงเห็นการใช้สีแดงศาลเจ้าและสีเขียวเข้มเป็นหลักภายในค่อนข้างกว้างและดูหรูหรา โดดเด่นด้วยงานไม้แกะสลักที่สวยงาม

danang-hue-hoian 2661699

สำหรับคนที่มีเวลา ห่างจากเมืองฮอยอันไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 50กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หมีเซิน (My Son Sanctuary) โบราณสถานที่ตั้งอยู่บริเวณหุบเขาสูง โดยคำว่า หมีเซิน (My Son) มีความหมายว่า ภูเขาอันสวยงาม มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 2 ตารางกิโลเมตร หุบเขาแห่งนี้สร้างด้วยศิลปะจามโบราณในสมัยศตวรรษที่ 4 เพื่อใช้เป็นศาสนสถานสำหรับบูชาพระศิวะ ตามความเชื่อในศาสนาฮินดู ประกอบด้วยศาสนสถานที่สร้างด้วยอิฐมากกว่า 70 แห่งนอกจากตัวปราสาทแล้วยังมีรูปปั้น วัด และถูกห้อมล้อมไปด้วย ป่าดงดิบ แต่ในช่วงสงครามเวียดนาม ทหารเวียดนามได้ใช้ปราสาทหมีเซินเป็นกองบัญชาการฝ่ายอเมริกันจึงได้นำเครื่องบินทิ้งระเบิดบริเวณนี้ โบราณสถานจำนวนมากจึงถูกสะพานญี่ปุ่นสมาคมฟุกเกี๋ยนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หมีเซินทำลายไป ทำให้ปัจจุบันเหลือปราสาทเพยี ง 22 หลัง ที่นี่จัดได้ว่าเป็นกลุ่มโบราณสถานในศาสนาฮินดูที่เก่าแก่และสมบูรณ์ที่สุดในอินโดจีน มีอายุยาวนานกว่า900 ปี และได้รับประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ. 2542

Pagoda at Khiem Tomb of Tu Duc in Hue Vietnam

เมืองเว้ ไม่ว้าเหว่
จากฮอยอันไปเว้ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า สามารถเดินทางไปทั้งรถบัสหรือใช้บริการเหมารถเช่าหรือซื้อทัวร์กรุ๊ปไปเที่ยวสถานที่สำคัญในเว้ 1 วัน ราคาประมาณ 10-15 ดอลลาร์สหรัฐฯ ภูเขาไฮเวิน (Han Van) กั้นดานังและเว้ออกจากกัน พื้นที่ของเมืองเว้เป็นที่ราบสูงเต็มไปด้วยหินภูเขาไฟ หาดทราย เนินทรายและทะเลสาบ อากาศของเว้ค่อนข้างจะร้อน อุณหภูมิสูงสุดในหน้าร้อนเกือบ 40 องศาเซลเซียส และต่ำสุด 20องศาเซลเซียส แนะนำว่าซื้อทัวร์นั่งแอร์เย็นๆ เที่ยวตามโปรแกรมสักวัน แล้วไปพักเว้สักคืน เที่ยวเองในตัวเมืองจะเต็มอิ่มกว่า โดยมากสถานที่ต่างๆ ที่แวะของทัวร์แต่ละเจ้าก็จะคล้ายคลึงกัน โดยมากก็จะเป็นสุสานทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นสุสานจักรพรรดิตือดึ๊ก (Tomb of Tu Duc)ได้ชื่อว่าเป็นสุสานที่สวยที่สุดและนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมมากที่สุดในบรรดาสุสานราชวงศ์เหงียนทั้งหมดจักรพรรดิตือดึ๊กเป็นสมเด็จพระจักพรรดิของเวียดนามที่ทรงเป็นที่รู้จักในฐานะนักปราชญ์ สุสานไม่ใหญ่มากนักแต่สร้างได้กลมกลืนกับธรรมชาติ มองผ่านๆ อาจคิดว่าเป็นพระราชวังหลวงจำลองขนาดเล็ก จุดเด่นน่าชมของสุสานแห่งนี้ คือตำหนักลูเคียม อาคารไม้เก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบลูเคียม อันรายล้อมด้วยดอกบัวที่บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมไปทั่ว อีกตำหนักคือ ตำหนักซุงเคียม มีบันไดทอดจากตัวตำหนักไปยังสุสานเลืองเคียม สถานที่เก็บรักษาเครื่องเรือน แจกันและหีบเครื่องประดับ สำหรับสสุ านฝังพระศพของพระเจ้าตอื ดึ๊กนนั้ อย่ดู า้ นในสุด ทั้งนี้เพื่อป้องกันโจรปล้นสุสาน ร่างจริงของพระองค์ พร้อมทรัพย์สมบัติมหาศาลนั้นจึงได้ถูกฝังไว้ในสถานที่ลับ ที่นี่เป็นเพียงสุสานจำลอง ล้อมไปด้วยความร่มรื่นของทิวสนต้นไม้ที่มีใบเขียวตลอดปีแสดงถึงความเป็นอมตะขององค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์เหวียนต่อมา

Minh Lau pavilion at Minh Mang Emperor Tomb in Hue, Vietnam

อีกหนึ่งสถานที่ นั่นคือ สุสานจักรพรรดิมินห์มาง (Tomb of Minh Mang) ตั้งอยู่บริเวณปากน้ำตาตรัคและหูตรัคซึ่งเป็นแม่น้ำสายย่อยของแม่น้ำหอมมาบรรจบกัน บริเวณหมู่บ้านบานเวียด โดยสุสานแห่งนี้มีแผนผังแบบสมมาตร ตัวอาคารสร้างตามแนวแกนตรง ความโดดเด่นของสุสานแห่งนี้คือ รูปแกะสลักหินของบรรดาช้าง ม้า ทหาร และขุนนาง ที่ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณลานกว้างของสุสาน ตามอิทธิพลของคติจากจีน ถัดไปจะเห็นศิลาจารึกที่เป็นแท่นบูชาดวงวิญญาณ บริเวณโดยรอบของพระตำหนักด้านในเป็นบึงน้ำและสวนที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ว่ากันว่าไม่มีใครรู้ได้ว่าตำแหน่งของพระศพที่แท้จริงอยู่บริเวณไหนของเนินดินที่เป็นหลุมฝังพระศพ เพราะผ้ทู ี่ทำการฝังนั้นได้ฆ่าตัวตายตามพระองค์ไปด้วยเพื่อที่จะเป็นข้ารับใช้ในภพหน้าด้วย

Pagoda in Khai Dinh Tomb in Hue Vietnam

อีกหนึ่งสุสานที่เรียกได้ว่าโดดเด่นเป็นพิเศษ เพราะสร้างแบบผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันออกแบบจีนร่วมกับสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบกอทิก นั่นคือสุสานของพระเจ้าไคดิงห์ (Tomb of Khai Dinh)คุณจะเห็นทางเดินที่ตกแต่งเป็นบันไดมังกร สู่ลานกว้างที่มีรูปปั้นของช้าง ม้า ข้าราชการทหารและพลเรือนเป็นแบบจีน

Statue soldiers in Khai Dinh tomb at Hue Vietnam

แต่ภาพในพระราชวังเทียนดิงห์ ตกแต่งด้วยกระเบื้องสีปูพื้นจิตรกรรมฝาผนังภาพมังกรในม่านเมฆขนาดใหญ่ และภาพเฟรสโกอันเต็มไปด้วยสีสันที่ตกแต่งด้วยการฝังกระจกสีและกระเบื้องนับพันชิ้น โดยมีรูปปั้นสัมฤทธิ์ขนาดเท่าองค์จริงของพระเจ้าไคดิงห์ ซึ่งสร้างที่ฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2465 ตั้งอยู่

danang-hue-hoian 1235944

และที่พลาดไม่ได้คือ นครจักรพรรดิ หรือนครต้องห้าม (ImperialEnclosure / Forbidden Purple City) ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองเว้เป็นการก่อสร้างตามความเชื่อของจีน ที่เห็นเด่นชัดเลยคือ ออกแบบกำแพงล้อมรอบถึง 3 ชั้นด้วยกัน

danang-hue-hoian 2004435

เมื่อเราผ่านประตูกำแพงชั้นนอกเข้าไปก็จะเห็นปืนใหญ่ 9 เทพเจ้า ขวามือ แทนเทพ 5 องค์จาก 5 ธาตุได้แก่ โลหะน้ำ ไม้ ไฟและดิน อีก 4 องค์แทนฤดูกาล 4 ฤดูกาล

danang-hue-hoian 1235942

ลอดผ่านซุ้มประตูใหญ่ด้านนอกมาเป็นกำแพงชั้นกลาง จะเห็นสระบัว สวนดอกไม้

danang-hue-hoian 1235935

เมื่อเราผ่านประตูชั้นที่สองเข้าไปจะเห็นสะพานน้ำทอง ซึ่งเดิมอนุญาตให้เฉพาะเชื้อพระวงศ์ลำดับสูงหรือเอกอัครราชทูตจากต่างประเทศเท่านั้นที่จะเดินเข้าไปยังพระราชวังไทเฮา อันเป็นวังที่สำคัญที่สุดในนครจักรพรรดิได้

danang-hue-hoian 1235945

ภายในกำแพงมีวัดสำคัญคือ วัดเถเหมียว อาณาบริเวณโดยรอบค่อนข้างกว้างใหญ่ จะเดินให้ครบต้องใช้เวลาเป็นวัน และด้วยอากาศที่ร้อนของเว้ แนะนำให้เช่ารถไฟฟ้าขับพาไปยังจุดสำคัญๆ ดีกว่านี่เป็นหนึ่งความเจริญรุ่งเรืองในอดีตของเมืองเว้

danang-hue-hoian 3707206

โบราณสถานอันงดงามและทรงคุณค่าควรแก่การรักษา จึงไม่แปลกที่เมืองเว้จะได้รับการยืนยันจากองค์การยูเนสโกประกาศให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ. 2536 ให้เป็นมรดกโลก World Heritage 1 ใน 3 แห่งที่มีอยู่ในประเทศเวียดนามอีกด้วย

Landscape of Castles is covered with fog at Bana Hills,Da Nang, Vietnam

ปลายทางดานัง

แม้ว่าผมจะเคยมาดานังมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ดานังก็ยังคงมีเสน่ห์ที่น่าแวะอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หลายคนมาดานังคงไม่พลาดที่จะขึ้นไปสัมผัสหมู่บ้านฝรั่งเศส (French Village) ที่ตั้งอยู่ด้านบนยอดเขาบานาฮิลส์ (Ba Na Hills)

Golden Bridge in hands Da Nang, Vietnam - Ba Na Hills Park. The new symbol of Vietnam. Bright Sunrise at the bridge.

และไปเดินชมสวนแห่งความรัก ถ่ายรูปกับสะพานลอยฟ้าสีทอง (Golden Bridge) ที่อยู่ในอุ้งมือขนาดใหญ่ ไฮไลต์เด่นของบานาฮิลส์ แต่สำหรับผมแล้วการได้นั่งกินลมชมวิว ที่หาดไชน่า (China Beach) ราวกับว่าเคยเป็นทหารอเมริกันมาพักผ่อน เหมือนในอดีตน่ารื่นรมย์เป็นที่สุด

My Khe city beach, Danang

จากนั้นก็ไปจับจ่ายใช้สอยที่ตลาดฮาน (Han Market) ก่อนจะปิดท้ายที่บริเวณสะพานมังกร (Dragon Bridge) เพื่อชมมังกรพ่นไฟตอน 3 ทุ่ม (21.00 น.)

Dragon bridge over river

แค่นี้ก็มีความสุขแล้วเวียดนามตอนกลาง น่าจะเหมาะกับผู้คนที่ต้องการศึกษาวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และดื่มด่ำไปกับธรรมชาติอีกทั้งปัจจุบันการเดินทางมาดานังก็แสนง่าย สุดสัปดาห์นี้เก็บกระเป๋ามาท่องเที่ยวสถานที่สุดฮิตที่เวียดนามอย่างเช่น ดานัง เว้ ฮอยอัน กันดีกว่า

 

VietJet_Air_logo

สายการบินไทยเวียตเจ็ทบินตรงทุกวัน วันละ 3 เที่ยวบิน จากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)สู่ดานัง
– เที่ยวไป ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 09.00 น. ถึงดานัง 10.40 น.หรือเวลา 10.50 น. ถึงดานัง 12.30 น. และเวลา 15.50 น. ถึงดานัง 17.30 น.
– เที่ยวกลับ ออกจากดานัง เวลา 11.15 น. ถึงกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) 12.55 น.หรือเวลา 13.15 น. ถึงกรุงเทพฯ 14.55 น. และเวลา 18.10 น. ถึงกรุงเทพฯ 19.50 น.สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ www.vietjetair.com

 

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0