A little big trip in Copenhagen – ทริปเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ในเมืองโคเปนฮาเก้น

Story & Photo by เรื่องเล่าจากกระเป๋าเดินทาง

Copenhagen_466

ในที่สุดฉันก็ได้มีโอกาสได้มาเยือนสแกนดิเนเวียด้วยความตั้งใจที่จะไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่มาใช้ชีวิตสร้างครอบครัวอยู่ในดินแดนแถบนี้ จึงไม่พลาดที่จะแวะเที่ยวเมืองโคเปนฮาเก้นที่อยู่ในใจมาเป็นเวลานานเสียที

Copenhagen_041

โคเปนฮาเก้น (Copenhagen) หรือชื่อสะกดตามภาษาท้องถิ่นว่า København เมืองหลวงของประเทศเดนมาร์ก ซึ่งนับว่าเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย เป็นทั้งศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการคมนาคม ด้วยทำเลที่ตั้งริมชายฝั่งทะเลบอลติก ทำให้เมืองนี้เป็นท่าเรือสำคัญของยุโรปเหนืออีกด้วย

Copenhagen_086

ความประทับใจแรกของฉันเริ่มต้นตั้งแต่เครื่องบินลงจอดที่สนามบิน ด้วยรอยยิ้มและการบริการอย่างเป็นมิตรของเจ้าหน้าที่ของสนามบินและสถานีรถไฟ ที่ช่วยให้คำแนะนำการเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองโคเปนฮาเก้นของฉันเป็นไปอย่างราบรื่น เพียง 15 นาที ก็มาถึงสถานีรถไฟกลาง (Central station) ของเมืองโคเปนฮาเก้น

Copenhagen_123

Bike around Copenhagen – ปั่นจักรยานรอบเมืองโคเปนฮาเก้น

การเดินทางท่องเที่ยวภายในเมืองโคเปนฮาเก้นสามารถทำได้หลากหลายวิธีตามใจชอบ ไม่ว่าจะใช้บริการขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบายทั้งรถไฟ รถไฟใต้ดิน (metro) หรือรถเมล์ ขี่จักรยาน นั่งเรือสำราญชมเมือง หรือการเดินก็สามารถทำได้โดยไม่เหน็ดเหนื่อย จนเกินไป สำหรับนักเดินทางที่เที่ยวเองและไม่เร่งรีบอย่างฉัน

Copenhagen_225

การเที่ยวชมเมืองที่ดีที่สุดของที่นี่คือการเช่าจักรยานปั่นรอบเมืองตามจุดสำคัญต่างๆ โคเปนฮาเก้นเป็นเมืองไม่ใหญ่มาก ถนนหนทางสะดวก ไม่แออัด และปลอดภัย เมืองโคเปนฮาเก้นเป็นเมืองที่ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่เอื้อต่อการขี่จักรยานอันดับที่ 2 ของโลก เป็นรองจากเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์เท่านั้น มาถึงเมืองแห่งจักรยานทั้งที

Copenhagen_006

คนรักจักรยานอย่างฉันคงอดไม่ได้ที่จะเช่าจักรยานเพื่อจะได้ซึมซับบรรยากาศตามแบบฉบับชาวเมือง โคเปนฮาเก้นมีชื่อเสียงในเรื่องการส่งเสริมให้ผู้คนใช้จักรยานในชีวิตประจำวันเพื่อสุขภาพและลดการใช้พลังงานกันเป็นผลสำเร็จ

Copenhagen_045

โดยการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานที่เอื้อกับประชากรจักรยานไว้ให้อย่างครบถ้วน ถนนมีการแบ่งเลนจักรยานอย่างชัดเจน มีไฟจราจรสำหรับจักรยานมีที่จอดจักรยานขนาดใหญ่ตามจุดต่างๆ ของเมือง โดยเฉพาะบริเวณใกล้ๆ สถานีรถไฟ มีจักรยานให้เช่าที่สามารถปั่นไปจอดที่ไหนก็ได้ตามจุดจอดต่างๆ ของเมือง

Copenhagen_154

จุดแรกที่ไปเยือนคือปราสาท Rosenborg Slot (Rosenborg castle) พระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์เดนมาร์กที่ได้ชื่อว่าเป็นผลงานทางสถาปัตยกรรมชิ้นสำคัญของกษัตริย์คริสเตียนที่ 4 แห่งเดนมาร์กในสไตล์ดัตช์เรเนอซองส์

Copenhagen_170

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่นี่จะมีชื่อเสียงด้านการประดับตกแต่งสวนด้านหน้าพระราชวังที่เรียกว่า Kongens Have หรือ The King’s Garden อย่างงดงามด้วยสีสันของดอกไม้ และสามารถเข้าชมด้านในพระราชวังได้ แต่ฉันเดินทางมาในช่วงปลายฤดูร้อนย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้ในสวนจึงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทอง แต่ยังพอมีดอกกุหลาบสวยๆ ให้ได้ชมอยู่บ้าง

Copenhagen_209

นั่งเล่นในสวนของพระราชวังสักพักใหญ่ ฉันก็พาสองล้อปั่นต่อไปบนถนน Bredgade ซึ่งเป็นหนึ่งในถนนสายหลักของเมืองที่รายล้อมด้วยอาคารสีพาสเทลสวยงามมากมาย และเป็นที่ตั้งของโบสถ์หัวหอมสไตล์รัสเซียหน้าตาโดดเด่น นั่นคือโบสถ์ Aleksandr Nevskij Kirke (Alexander Nevsky Church) โบสถ์รัสเซียนออร์โธดอกซ์แห่งเดียวในเมืองโคเปนฮาเก้น ซึ่งสร้างโดยรัฐบาลรัสเซียเพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสที่เจ้าหญิง Dagmar แห่งเดนมาร์ก ทรงเข้าพิธีสมรสกับพระเจ้า Alexander ที่ 3 แห่งอาณาจักรรัสเซีย

Copenhagen_194

ปั่นต่อมาเรื่อยๆ บนถนน Bredgade จะพบกับโบสถ์หินอ่อนตั้งตระหง่านอยู่ Frederiks Kirke (Frederik’s Church) โบสถ์รูปทรงโดมขนาดใหญ่ที่สุดในสแกนดิเนเวียที่รู้จักกันทั่วไปว่า Marble Church (Marmorkirken)

Copenhagen_195

ซึ่งมีหินอ่อนเป็นวัสดุหลัก และเป็นโบสถ์ที่ผู้สร้างได้รับแรงบันดาลใจจากมหาวิหาร St. Peter’s แห่งกรุงโรมประเทศอิตาลี ด้านในโบสถ์ก็สวยงามมากทำด้วยหินอ่อนสีขาวนวลเกือบทั้งหมด

Copenhagen_202

จากโบสถ์ Frederik’s Church ตรงมาทางถนน Frederiksgade จะพบกับจัตุรัสขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยอาคารสถาปัตยกรรมสไตล์ของพระราชวังอมาเลียนบอร์ก (Amalienborg Palace) เป็นพระราชวังฤดูหนาวที่สร้างขึ้น กลางศตวรรษที่ 18 เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 300 ปีของราชวงศ์โอลเดนบวร์ก

Copenhagen_213

หน้าประตูของพระราชวัง ทั้ง 4 ด้าน จะมีทหารประจำเวรยามอยู่ตลอดเวลา บริเวณตรงกลางจัตุรัสเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์พระเจ้า Frederik ที่ 5 แห่งเดนมาร์ก บริเวณด้านข้างของจัตุรัสก็จะเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์อเมเลียนบอร์กซึ่งมีการจัดแสดงเรื่องราวต่างๆ ของราชวงศ์ในอดีตจนถึงปัจจุบัน

Copenhagen_312

ออกจากพระราชวังปั่นเลียบมาตามถนนริมทะเลจนพบกับน้ำพุ Gefionspringvandet (Gefion Fountain) ตามตำนานเล่าว่ากษัตริย์ Gylfi ผู้ปกครองดินแดนที่ในปัจจุบันคือประเทศสวีเดน ได้กล่าวกับกลุ่มสตรีกลุ่มที่รักสนุกว่า หากอยากมีงานรื่นเริงต่อไปให้ทำการขุดไถแผ่นดินในอาณาจักรให้ได้มากที่สุด โดยใช้วัว 4 ตัว ขณะนั้นมีสตรีชื่อ Gefion อาสาที่จะทำการนั้นเอง โดยได้เสกให้ลูกชายที่เกิดกับยักษ์ให้กลายเป็นวัว 4 ตัว และขุดไถเอาดินแดนลากมาทิ้งไว้ที่ทะเลทางด้านตะวันตก จนกระทั่งถูกพัดพามาอยู่ทางใต้ของสวีเดนที่มีชื่อว่า Zealand ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองโคเปนฮาเก้นในปัจจุบัน

Copenhagen_266

น้ำพุจึงเป็นรูปปั้นของเทพธิดาเกฟิออนกับวัวขนาดใหญ่ 4 ตัวที่ กำลังขมักเขม้นในการไถดินอยู่ เป็นน้ำพุคู่บ้านคู่เมืองของโคเปนฮาเก้น ติดกับน้ำพุ Gefion เป็นที่ตั้งของโบสถ์เก่าแก่ชื่อว่า St.Alban’s Church หรือ English Church

Copenhagen_269

โบสถ์แองกลิกัน ในสไตล์โกธิคประยุกต์ผลงานการออกแบบของสถาปนิกชาวอังกฤษ เพื่อรองรับการขยายตัวของชุมชนชาวอังกฤษในเมืองโคเปนฮาเก้น

Copenhagen_125

หลังจากชมน้ำพุเสร็จ ก็ปั่นต่อไปยังรูปปั้นนางเงือกน้อย Den Lille Havfrue (The Little Mermaid) นางเงือกน้อยเป็นรูปปั้นสำริด เปลือยกายนั่งอยู่บนโขดหินริมอ่าว มีขนาดไม่ใหญ่มาก สูงเพียง 1.25 เมตร และหนัก 175 กิโลกรัม เดินผ่านไปเลยได้ แต่ด้วยความเป็นแลนด์มาร์คสำคัญ ฝูงมหาชนมากมายต่างรุมล้อมรอบถ่ายรูปนางเงือกน้อย

Copenhagen_305

รูปปั้นนางเงือกน้อยถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานถึงจินตนาการ จากบทประพันธ์ของฮานคริสเตียนแอนเดอร์สัน (Han Christian Anderson) กวีเอกผู้สร้างสรรค์นิทานที่ได้รับการกล่าวขานทั่วโลก และเป็นงานประติมากรรมของ Edvard Eriksen หากสนใจเรื่องราวของ Little Mermaid ก็ไปหาอ่านบทประพันธ์ของ Anderson ได้

Copenhagen_452

ตามตำนานกล่าว่าถ้าเธอนั่งรออยู่ตรงนี้ 300 ปี ก็จะได้กลายร่างเป็นมนุษย์ นี่เหลืออีกประมาณ 200 กว่าปีเท่านั้นเอง อยากรู้เหมือนกันว่าจะกลายร่างได้จริงหรือเปล่า นางเงือกน้อยในอิริยาบถแห่งการรอคอยอันยาวนานที่ดูช่างสิ้นหวังและแสนเศร้า ฉันรับรู้ได้ถึงอารมณ์อ้างว้างของเธอได้ตั้งแต่แรกเห็น ฉันอดไม่ได้ที่จะนึกถึงรูปปั้นนางเงือกที่หาดสมิหลา จังหวัดสงขลา บ้านเกิดของฉัน ที่นั่นเป็นรูปปั้นทองเหลืองขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย ในอารมณ์สบายๆ ประมาณว่าว่ายน้ำขึ้นมานั่งสยายผมอยู่บนโขดหินริมหาด พูดแบบไม่เข้าข้าง นางเงือกที่หาดสมิหลา บ้านเราสวยงามกว่ามาก

Copenhagen_375

Walk around Copenhagen – เดินเล่นชมเมืองโคเปนฮาเก้น

ในช่วงเวลาตอนเช้าหรือตอนเย็นๆ การเดินเล่นชมเมืองโคเปนฮาเก้นนับเป็นสิ่งที่ผู้มาเยือนไม่ควรพลาด โดยเริ่มต้นได้จาก København Rådhus (Copenhagen City Hall) หรือศาลาว่าการเมืองโคเปนฮาเก้นที่เป็นสถาปัตยกรรม National Romantic ซึ่งเป็นศิลปะเฉพาะสำหรับกลุ่มประเทศนอร์ดิก

Copenhagen_016

บริเวณด้านหน้ามีจัตุรัสเป็นลานกว้าง ตัวศาลากลางเมืองมีหอสูงเป็นหอนาฬิกา ตัวอาคาร ก่อด้วยอิฐก้อนสีแดงเข้ม อาคารศาลาว่าการเมืองแห่งนี้มองเผินๆ แล้วอาจจะไม่ได้มีอะไรโดดเด่น แต่หากพิจารณาในรายละเอียดแล้ว จะเห็นความละเอียดลออและความวิจิตรบรรจงตามสไตล์อาคารนอร์ดิกฉบับดั้งเดิม

Copenhagen_053

จากจัตุรัสด้านหน้าศาลาว่าการเมือง มุ่งตรงเข้าไปทางถนนแคบๆ ชื่อว่า Frederiksberggade จุดเริ่มต้นของถนนคนเดินสตรอยเกท (Strøget) ที่เลื่องชื่อมากที่สุดแห่งหนึ่งและยาวที่สุดในยุโรป ถนนสายนี้แบ่งเป็นสามช่วง โดยช่วงแรกตั้งแต่ศาลาว่าการเมืองไปจนถึงตลาดเก่า (Gemmeltrov) ช่วงที่สองจาก Gemmeltrov ไปจนถึง Amergatrov และช่วงสุดท้ายตั้งแต่ Amergatrov ไปจนถึง Kongens Nytorv หรือจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในเขตเมืองเก่า รวมระยะทางทั้งหมด 1.8 กิโลเมตร

Copenhagen_100

ระหว่างถนนเส้นนี้ก็จะมีถนนอีกหลายเส้นที่ตัดผ่านและแยกเป็นซอยเล็กซอยน้อยออกไปอีก มีร้านค้าแบรนด์เนมชื่อดังมากมาย สำหรับคนที่ชอบช้อปปิ้งแล้วคงสามารถมาเดินเล่นบนถนนเส้นนี้ได้ทั้งวันโดยไม่เบื่อ ฉันเดินไปนั่งพักที่จัตุรัสขนาดใหญ่ที่สุดของเมือง Kongens Nytorv (King’s New Square) ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของถนนคนเดินสตรอยเกท

Copenhagen_420

ที่เมืองโคเปนฮาเก้นมีชุมชนอิสระชื่อดังก้องโลกนามว่า คริสเตียนเนีย (Christiania) ที่ฉันอยากไปเดินเล่นสัมผัสบรรยากาศการดำเนินชีวิตของชุมชนอิสระที่ตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายดูสักครั้ง แต่มีคำเตือนว่าย่านนี้อาจดูไม่ปลอดภัยนักสำหรับนักเดินทางผู้หญิงตัวคนเดียว อย่างฉัน เพราะเป็นชุมชนของชาวฮิปปี้ที่มักจะมองและแซวนักท่องเที่ยวที่หลงเข้ามา

Copenhagen_426

อีกทั้งบริเวณนี้ยังคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นบุหรี่ กัญชา และยาเสพติดชนิดต่างๆ ที่ถูกใช้กันอย่างเปิดเผย ฉันจึงเลือกที่จะไปชมที่นี่ในตอนกลางวัน จึงได้เห็นบรรยากาศที่ไม่คึกคักนัก อย่างไรก็ตามในฐานะที่เป็นผู้ชื่นชอบงานศิลป์และความคิดสร้างสรรค์ทั้งหลายขอยกย่องให้คริสเตียนเนียนี้เป็นสุดยอดสถานที่แสดงงานศิลป์กลางแจ้งที่น่ามาเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต

Copenhagen_326

จากคริสเตียนเนียฉันเดินลัดเลาะริมคลองมายังย่าน Nyhavn ท่าเรือใหม่ที่สร้างขึ้นในต้นศตวรรษที่ 18 เพื่อรองรับการขยายตัว ของท่าเรือเดิม โดยใช้เป็นคลองเชื่อมเมืองออกสู่ทะเล ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองโคเปนฮาเก้น

Copenhagen_445

ด้วยอาคารสีสันสดใสที่รายล้อมริมสองฝั่งคลอง ตลอดแนวความยาวของท่าเรือเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ และเรือน้อยใหญ่จอดเรียงกันมากมาย

Copenhagen_355

ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศล่องเรือชมวิวเมืองโคเปนฮาเก้นก็สามารถเลือกใช้บริการ Canal City Tour ได้เช่นกัน บริเวณนี้สวยงามสมคำร่ำลือจริงๆ ไม่ว่าเวลาไหนของวันก็จะมีคนพลุกพล่าน บรรยากาศ ของคลอง เรือ และบ้านเรือนสีสดใสสวยงามทำให้ Nyhavnมีเสน่ห์น่าหลงใหลทวีคูณ

Copenhagen_118

Going Danish on a Copenhagen food tour – ทัวร์ชิมอาหารแดนิช

บ่อยครั้งเวลาเดินทางไปยังสถานที่ใหม่ๆ นักชิมมักจะเสิร์ชหาข้อมูล “City Name + Food Tour” และด้วยความไม่ค่อยค้นว่าอาหารของชาวแดนิชรูปร่างหน้าตาและรสชาติเป็นอย่างไร ฉันจึงซื้อทัวร์ตะลอนชิมอาหาร

Copenhagen_519

เปิดประสบการณ์ใหม่ โดยทัวร์ตะลอนชิมนี้เริ่มต้นที่ตลาด Torvehallerne ตลาดอาหารอันทันสมัยที่มีอาหารให้เลือกชิมมากมายโดยเฉพาะอาหารออร์แกนิกซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มประเทศนอร์ดิก ฉันและเพื่อนร่วมทัวร์จากนานาชาติอีก 6 คน เริ่มต้นเรียนรู้การทานชีส จิบวอดก้า ชิมช็อคโกแลตที่ตลาด Torvehallerne ก่อนจะเดินชิม Smørrebrød หรือแซนวิชแบบแดนิชที่ร้าน Aamanns ที่โด่งดังที่สุดในโคเปนฮาเก้น เป็นแซนวิชที่หน้าตาสวยงามแลดูมีสุขภาพดีและรสชาติอร่อย

Copenhagen_509

จากนั้นไกด์ก็พาเข้าไปในสวนกลางเมือง (Botanic garden) เพื่อชิมน้ำผึ้งแท้ๆ จากสวน

Copenhagen_528

และเดินเล่นชมต้นไม้ในกรีนเฮาส์ไปด้วย ก่อนจะไปต่อกันที่โรงเบียร์ Nørrebro Bryghus เพื่อชิมเบียร์สดรสนุมลิ้นหลากหลายรส เมื่อมีแอลกอฮอล์เข้ากระแสเลือดการพูดคุยของคณะทัวร์ก็เริ่มสนุกสนานเฮฮากันมากขึ้น พวกเราใช้เวลาในโรงเบียร์นี้นานเลยเวลาทัวร์ปกติที่ต้องจบภายใน 4 ชั่วโมง

Copenhagen_524

แต่ไกด์ก็ใจดีและทุกคนก็เต็มใจที่ไปตะลอนชิมร่วมกันต่อ พวกเราได้แวะชมการผลิตและแวะชิมลูกอมท้องถิ่น (hard candy) ที่ Sømods Bolcher

Copenhagen_530

ก่อนจะไปปิดท้ายกันด้วยไส้กรอกออร์แกนิคที่ร้าน DØP ซึ่งเป็นเพียงร้านแผงลอยเล็กๆ ในตัวเมืองแต่มีลูกค้าต่อคิวยาวเหยียดเราสามารถเลือกขนมปังและชนิดของไส้กรอกได้ตามความพอใจ รสชาติอร่อยมาก

Copenhagen_531

ฉันเอ่ยลาเพื่อนร่วมชิมทุกคนหลังจากท้องอิ่ม (มาก) และถึงเวลาที่ต้องโบกมือลาโคเปนฮาเก้นเพื่อเดินทางต่อไปเยี่ยมเพื่อนในอีกเมืองหนึ่ง

Copenhagen_058

แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แค่ 2 วัน 1 คืนในโคเปนฮาเก้น แต่กลับเป็นการเดินทางที่ฉันประทับใจมากมาย ที่นี่เป็นดินแดนที่น่าอยู่ บ้านเมืองที่สวยงามเป็นระเบียบ บรรยากาศริมน้ำที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล อาหารแปลกตา และรสชาติถูกใจ ผู้คนอัธยาศัยดี เรียบง่าย ไม่ก้าวก่ายและเป็นมิตร เหนือสิ่งอื่นใดมิตรภาพและน้ำใจของคนที่นี่ช่างดีงามเหลือเกิน จึงไม่แปลกใจ ที่โคเปนฮาเก้นจะติดอันดับเมืองในฝันที่คนจากทั่วโลกต้องมาเยือน

Copenhagen_072

 

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0