Classical… Bukhara

Story & Photo by Kanjana Hongthong

Bukhara 6971

นักท่องถนนบนสายไหมกล่าวไว้ว่า ถ้าจะหาเมืองที่จะฉายภาพให้เห็นความงดงามอย่างเก่าแก่คลาสสิกของอุซเบกิสถาน ให้มุ่งหน้าไปหาเมืองบูคารา (Bukhara) ได้ยินแบบนี้แล้ว ฉันจึงทิ้งเมืองหลวงอย่างทาชเคนท์ (Tashkent) เอาไว้ข้างหลัง แล้วรีบเดินทางไปหาเมืองอันสวยคลาสสิกอย่างบูคาราอย่างไม่โอ้เอ้

Bukhara 7115

ใครๆ ก็พูดถึงบูคาราไว้ว่าเป็นเมืองที่ไม่ค่อยปรุงแต่งเท่าไหร่ ดิบๆ เดิมๆ แต่ไม่ว่าจะเคลื่อนตัวไปแถวไหนก็พบว่าสวยไปหมด ย่านใจกลางเมือง มองเห็นสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ ตรงนั้นเป็นป้อมปราการที่ดูเป็นกำแพงบึกบึนและสูงใหญ่ มุมนี้เขาเรียกกันว่า อาร์ค

Bukhara 7119

มองจากตรงจัตุรัสก็จะเห็นทางเดินขึ้นสู่พระราชวังที่สร้างมากกว่า 2 พันปี ด้านบนถูกทำลายจนค่อนข้างทรุดโทรมมาก สมัยก่อนด้านบนนอกจากจะมีพระราชวังใหญ่โตแล้วยังมีมัสยิด 3 แห่งตั้งอยู่ด้วย และมีผู้คนใช้ชีวิตอยู่ในวังแห่งนี้ประมาณ 3 พันกว่าคน

Bukhara 7153

Bukhara 6881-1

นอกจากความใหญ่โตที่เห็นจากป้อม ทุกวันนี้แปลงสภาพเป็นพิพิธภัณฑ์ชั้นดีที่มีไว้ให้ตามรอยประวัติศาสตร์ของเมืองบูคารา

Bukhara 6881

ส่วนตัวจัตุรัสตรงลานกว้างหรือที่เรียกกันว่า เรกิสถาน นั้น ในอดีตก็เคยทำหน้าที่เป็นทั้งตลาด ใช้จัดพิธีการงานรื่นเริงของเมือง รวมถึงเป็นมุมที่เคยใช้ปลิดชีวิตนักโทษด้วย แต่ทุกวันนี้เป็นมุมที่พวกนักท่องเที่ยวมาขึ้นอูฐขี่ม้าแอคชั่นถ่ายรูปกับป้อม บางพวกก็มานั่งเล่นพักผ่อนหย่อนอารมณ์แถวนี้

Bukhara 6965

เดินข้ามถนนไป คราวนี้เจอกับมัสยิดโบโลเฮาส์ ที่อายุเก่าแก่เกือบ 300 ปี ที่หากใครไปตรงกับช่วงวันศุกร์ก็จะเห็นภาพของชาวบูคารามาละหมาดกันที่นี่

Bukhara 7093

มัสยิดเรือนไม้แห่งนี้เก่าด้วย ยิ่งทำให้ดูเข้มขลังเข้าไปใหญ่ แต่ดูโดยรวมแล้วอาจจะทรุดโทรมไปนิด เพราะช่วงที่สหภาพโซเวียตเข้ามาปกครอง กลับใช้ที่นี่ไว้เป็นมุมปาร์ตี้สังสรรค์

Bukhara 7096

ตัวเพดานและรายละเอียดตามซุ้มประตูก็สวยอยู่พอตัว มีเสาไม้ค้ำหลังคาอยู่ ที่นี่ปกติเขาจะเรียกกันว่ามัสยิด 40 เสา แต่นับเท่าไหร่ก็ได้ 20 เสา พออ่านข้อมูลถึงได้รู้ว่าที่จริงมีแค่ 20 เสา แต่ความที่ด้านหน้ามีสระน้ำอยู่ เวลาเสาสะท้อนในผืนน้ำจึงปรากฏเงาอีก 20 กลายเป็น 40 เสาในช่วงที่แสงและเงาตกกระทบกันพอดี

Bukhara 6872

ตลอดทั้งวันจะเห็นนักท่องเที่ยวเดินเร่ไปทั่วเมือง แต่มีอีกมุมหนึ่งที่น่านั่งแฮงก์เอาท์มากเป็นสระน้ำที่อยู่ใจกลางเมือง

Bukhara 6890

ตรงนี้เป็นมุมที่เขาเรียกกันว่าลาบี เฮาส์ ชาวเมืองเขามานั่งพักผ่อนหย่อนใจกันตลอดเช้าสายบ่ายเย็น ส่วนนักท่องเที่ยวพอเดินเที่ยวเมื่อยๆ ก็มานั่งแวะพักน่องกันตามเก้าอี้ริมทาง โดยเฉพาะถ้าใครมานั่งช่วงแดดร่มลมตกตอนเย็นๆ เก้าอี้ในสวนริมสระแทบไม่เคยว่าง ผู้คนออกมานั่งเล่นกันเยอะมาก แต่ตรงนี้ก็มีอะไรน่าดูอยู่ไม่น้อย แค่กวาดสายตามองไปรอบๆ สระน้ำเจอต้นมัลเบอรีอายุมากกว่า 500 ปี และที่ห้อมล้อมสระน้ำไว้คือศาสนสถานอีกหลายแห่ง มีทั้งมัสยิด มาดราซาหรือโรงเรียนสอนศาสนา และที่พักของพวกกองคาราวานที่เคยค้าขายบนเส้นทางสายไหม

Bukhara 6930

แต่ที่โดดเด่นเกี่ยวทุกสายตาที่มาอยู่ริมสระน้ำที่สุดคือนาเดียร์ ดิวาน-เบกีมาดราซา ที่มีลวดลายและสถาปัตยกรรมบนประตูทางเข้าที่สวยมาก แต่ก็ดูแปลกนิดๆ เพราะเหนือประตูทางเข้าเป็นกระเบื้องเคลือบรูปหงส์คู่ นี่ก็ว่าผิดหลักศาสนาอิสลามแล้ว แถมใต้ปีกหงส์ยังมีรูปกวางน้อยอีก

Bukhara 6999

ทุกวันนี้โรงเรียนสอนศาสนาแห่งนี้ไม่มีเด็กมานั่งเรียนแล้ว มีแต่พ่อค้าและนักท่องเที่ยวที่เดินเข้านอกออกในภายในมาดราซากันตลอดทั้งวัน

Bukhara 6984

เพราะตอนนี้ห้องเรียนกลายเป็นร้านค้าเหมือนกับมาดราซาส่วนใหญ่ในบูคาราและซามาร์คานด์

Bukhara 6926

แต่ที่โรงเรียนแห่งนี้ มีความพิเศษตรงที่ ตอนช่วงทุ่มตรงเขาจะมีโชว์ระบำรำฟ้อนกันอย่างสนุกสนาน และมีดนตรีพื้นเมืองมาเล่นกันสดๆ เป็นมุมที่นักเดินทางพากันมานั่งชิลกันยามเย็น

Bukhara 7118

ถ้ายืนหันหน้าออกให้นาเดียร์ ดิวาน-เบกีมาดราซา ก็จะเห็นรูปปั้นของนัสรูดินกำลังขี่ลา มือซ้ายโบกมือทักทาย มือขวาจับแตะหน้าอก นัยว่ายินดีต้อนรับสู่บูคารา ที่จริงตามตำนานเขาว่านัสรูดินเป็นคนตุรกี แต่คนแถบอาหรับรวมทั้งอุซเบกิสถานก็ชอบบอกว่านัสรูดินเป็นคนชาติของตัวเอง แต่ไม่ว่าจะเป็นชาติอะไร เขาเป็นคนที่มีนิสัยตลก มีวิธีคิดและแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการที่แปลกๆ เรื่องราวของเขาถูกเล่ากันผ่านนิทานพื้นบ้าน และมีการแปลเป็นภาษาต่างๆ อาจจะเป็นเรื่องราวตลกขบขันแต่ก็แฝงไปด้วยแนวคิดมากมาย
นอกจากนี้บูคารายังมีมัสยิดชอร์ มินอร์ที่อายุกว่า 200 ปีแล้ว เดิมทีที่นี่เป็นโรงเรียนสอนศาสนา แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว เหลือแต่ร้านค้าขายของอยู่ด้านล่าง พอไต่บันไดขึ้นมาด้านบนก็มองเห็นเมืองเก่าได้ทั้งเมือง

Bukhara 7018

ผละจากชอร์ มินอร์ฉันมุ่งหน้ากลับเข้าไปในเขตเมืองเก่า เจอพวกร้านขายของสร้างเป็นแนวยาว ตั้งเรียงรายมีทั้งพวกกระเบื้องเคลือบ และของประดับบ้าน ตามจุดขายของจะมีลักษณะเป็นโดมตั้งอยู่เป็นระยะ

Bukhara 7048

โดมพวกนี้เขาเรียกเทรดดิ้งโดม สมัยก่อนเวลาพวกพ่อค้าขนของมาขายหรือแลกเปลี่ยนกัน ก็จะใช้ใต้โดมนี้เองเป็นจุดนัดพบตรงไหนมีโดมตรงนั้นมีร้านค้าจริงๆ ด้วย

Bukhara 6991

ใครที่ชอบช้อปรับรองมานี่คุณจะเพลินและสนุกกว่าใคร พูดจริงๆ ต้องบอกว่าร้านช้อปที่นี่มีให้เลือกเยอะมาก ยิ่งพวกพรมทอมือ งานปั้น และพวก งานฝีมือที่จัดว่าเป็นสุดยอดแห่งความปราณีตมาหาที่บูคาราได้

Bukhara 7139

เดินดูของใต้โดมมาสักพัก มาโผล่อีกทีตรงมุมที่เป็นโรงเรียนสอนศาสนา หรือมาดราซาที่ตั้งประจันหน้ากันอยู่ 2 แห่ง เก่าใหม่ต่างกันเยอะ แต่ความใหญ่ไม่มีใครเป็นรองใคร ฉันเลือกเข้าไปที่อับดุลลาซิส มาดราซาก่อน ถึงจะเป็นโรงเรียนสอนศาสนาที่เขาว่าสร้างในยุคหลังแล้ว แต่ที่นี่ก็อายุ 300 กว่าปีแล้ว

Bukhara 6900

ดูด้านนอกก็เห็นแล้วว่ารายละเอียดแน่นไปทุกอณู นับตั้งแต่ซุ้มโค้งประตู ที่เงยหน้าขึ้นไปก็จะเห็นสถาปัตยกรรมแบบรวงผึ้ง รายรอบประตูมีลวดลายดอกไม้และแจกันในแบบพิมพ์นิยมของอิสลาม ทั้งหมดนี้ทำให้ยืนแหงนคอมองหน้าประตูได้อยู่นานสองนาน เหมือนถูกประตูสะกดจิตอย่างไรอย่างนั้น

Bukhara 6959

ด้านนอกมองเหมือนไม่เก่า แต่พอเข้าไปด้านในก็จะเห็นภาพเขียนที่อยู่บนผนังและเพดานรู้เลยว่าอายุไม่ใช่น้อยแล้ว และแม้จะผ่านการบูรณะมาแล้วแต่ก็ไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าที่ควร เดินลึก เข้าไป จึงพบว่าห้องที่เคยใช้เรียนศาสนา ทุกวันนี้แปลงสภาพเป็นร้านค้าขายของที่ระลึกกันไปหมดเลยเดินเตร็ดเตร่ดูข้าวของอยู่พักใหญ่เหมือนกัน ถึงจะข้ามฝั่งไปดูฝั่งอูลุกเบค มาดราซา โรงเรียนสอนศาสนาที่ว่ากันว่าเก่าแก่ที่สุดในเอเชียกลาง

Bukhara 6979

ออกจากโรงเรียนสอนศาสนา คราวนี้ผ่านถนนสายการค้าโบราณ ที่เขาว่าสมัยก่อนพวกพ่อค้านำของมาวางขายและแลกเปลี่ยนกันแถวนี้ ทุกวันนี้มีพวกถ้วยชามและกระเบื้องเคลือบมายึดพื้นที่วางขายเต็มพรืดไปหมด

Bukhara 6941

 

เดินไปไม่ไกลคราวนี้ก็ถึงมุมที่เป็นเหมือนดวงใจของบูคารา จัตุรัสแห่งนี้อาจจะไม่ใหญ่มาก แต่ความสำคัญอยู่ที่เป็นที่ตั้งของโรงเรียนสอนศาสนาและมัสยิดที่สำคัญที่สุดของเมือง แต่ที่แน่ๆ ยืนตรงนี้แล้วรู้สึกว่าเหลือตัวนิดเดียว เพราะรอบตัวคือความใหญ่โตโอฬารทั้งสิ้น มัสยิดคาลันแห่งนี้สร้างขึ้นช่วงศตวรรษที่ 16 อาจจะดูใหม่ เพราะนี่คือมัสยิดที่สร้างขึ้นใหม่ทับบนพื้นที่เดิมที่เคยเป็นมัสยิด แต่ถูกกองทัพเจงกิสข่านเผาทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง ด้านในกว้างและดูโอ่อ่ามาก

Bukhara 7133

หากกลับออกมายืนตรงกลางจัตุรัส ก็จะเห็นหอคอยขนาดสูงใหญ่ที่เรียกว่ามินาเรตหรือหออาซาน อยู่ข้างมัสยิด มีไว้ประกาศเรียกชาวบ้านให้เตรียมมาละหมาด สำหรับคาลันมินาเรตแห่งนี้ จะว่าไปอายุเกือบ 900 ปี มากกว่ามัสยิดคาลันซะอีก นั่นก็เพราะหอแห่งนี้ยังเป็นของเดิมไม่ได้ถูกเผาทำลายไปพร้อมกับมัสยิด เพราะตอนที่เจงกิสข่านเคลื่อนทัพมาถึงที่นี่ เกิดลมกรรโชกแรงจนหมวกของเขาปลิวตกลงไป ทำให้เขาต้องก้มลงเก็บหมวก เจงกิสข่านจึงเกิดความรู้สึกว่าหอมินาเรตแห่งนี้ทำให้คนอย่างเขาก้มหัวลงได้ จึงไม่สั่งให้เผา แต่หากดูในรายละเอียดของหอสูงแห่งนี้ก็พบว่า บางช่วงอาจจะดูใหม่บ้าง เพราะเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 ก็มีการบูรณะไปบางส่วน แต่ลวดลาย ก็ยังคงเด่นชัด ถ้านั่งเพ่งดีๆ เขาว่าลายบนหอนี้มากกว่า 10 ลาย มีทั้งลวดลายเรขาคณิต และภาษาอารบิค เดินข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง คราวนี้เป็นโรงเรียนสอนศาสนาเมอร์อิอาหรับสร้างในยุคเดียวกับมัสยิดคาลัน ที่มีลายละเอียดและอ่อนช้อย เหลือเกิน และยังมีโดมสีเทอร์ควอยซ์ 2 โดมขนาบประตู

Bukhara 7061

 

หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่เดินทางเพื่อตามหาเมืองคลาสสิกบนโลกใบนี้ โปรดมุ่งหน้ามายังอุซเบกิสถาน เมืองเล็กๆ บนชุมทางสายไหมแห่งนี้จะทำให้คุณอิ่มเอมกับความเก่าเคล้าความคลาสสิก

 

  • จากกรุงเทพฯ บิน สายการบินอุซเบกิสถานแอร์เวยส์ มีเที่ยวบินบินตรงไปทาชเคนท์ เมืองหลวงของอุซเบกิสถานสัปดาห์ละ 2 วัน คลิกดูรายละเอียดที่ www.uzairways.com
  • นักท่องเที่ยวไทยจะไปอุซเบกิสถานต้องทำวีซ่า ติดต่อได้ที่ โทร. 0 2675 3995 หรือคลิก www.uzbinbkk.com
  • หากต้องการคนจัดการเรื่องวีซ่าและวางแผน การเดินทาง ติดต่อบริษัทที่เชี่ยวชาญเรื่อง อุซเบกิสถานชื่อ โกลบอล ฮอลิเดย์ โทร. 0 2393 5855 หรือคลิกไปดูรายละเอียดที่ www.globalholidayth.com หรือหากต้องการติดต่อบริษัททัวร์ในอุซเบกิสถานแนะนำบริษัทอีลิททัวร์ www.elitetours.uz
  • ตั้งแต่เดือนเมษายนไปจนถึงเดือนตุลาคม คือเดือนที่ดินฟ้าอากาศเหมาะแก่การเที่ยวอุซเบกิสถานมากที่สุด แต่เช็คอุณหภูมิก่อนเดินทางได้ที่ www.weather.com
Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0