Around Taipei : เที่ยวไปในไทเป

Story & Photo by เรื่องเล่าจากกระเป๋าเดินทาง

แม้ว่าไต้หวันจะยังมีนักท่องเที่ยวไทยไปไม่มากเท่าญี่ปุ่นหรือเกาหลี และส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรู้จักว่ามีอะไรโดดเด่น นอกจากแลนด์มาร์กของเมืองไทเปอย่างตึกไทเป 101 หรือนักช้อปทั้งหลายอาจจะบอกว่าไปไต้หวันต้องไม่พลาดซื้อรองเท้าแบรนด์ดังอย่างโอนิซึกะ แต่ความจริงแล้วไทเปยังมีสถานที่และตรอกซอกซอยที่น่าสนใจมากมาย

การได้รู้จักสนิทสนมคุ้นเคยกับชาวไต้หวันตอนที่เรียนอยู่ต่างประเทศจนกลายเป็นเพื่อนสนิท ทำให้ฉันได้รู้จักกับที่แห่งนี้ผ่านเรื่องเล่าจากเพื่อน ซึ่งเป็นการจุดประกายให้ฉันมีไต้หวัน เป็นจุดหมายปลายทางในใจ แล้ววันหนึ่งเมื่อเพื่อนรักได้ย้ายกลับไปทำงานที่ไต้หวัน ฉันจึงไม่พลาดโอกาสที่จะไปเยี่ยมเยือน การไปครั้งนี้ จึงเป็นการเที่ยวตามแบบฉบับไทเปแท้ๆ ที่มีเจ้าถิ่นเป็นไกด์ส่วนตัว

ไทเป (Taipei) เป็นเมืองหลวงของไต้หวันตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะ ที่มีบุคลิกคล้ายญี่ปุ่นผสมจีน เพราะในสมัยที่ญี่ปุ่นเข้ามาครอบครองเกาะไต้หวันได้ทิ้งร่องรอยความเป็นดินแดนอาทิตย์อุทัยเอาไว้ให้ยังหลงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน ทั้งนิสัยใจคอและมารยาทของผู้คน ความกิ๊บเก๋ของสิ่งของและคาเฟ่ต่างๆ

รวมทั้งงานศิลปะและพิพิธภัณฑ์ เมืองไทเปมีขนาดใกล้เคียงกับเกาะสิงคโปร์และด้วยระบบขนส่งที่ทันสมัยครอบคลุม จึงสามารถเดินทางท่องเที่ยวในสถานที่ที่น่าสนใจภายใน 3-4 วันได้ไม่ยาก วิธีเที่ยวไทเปง่ายๆ คือเริ่มต้นจากจุดกึ่งกลางของเมืองอย่างย่านซีเหมิน (Ximen) ที่เต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้ง ของกินอร่อยๆ และโรงแรมที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว

หลังจากเพลิดเพลินเดินชิมขนมจากรถเข็นข้างทางและตามดูวิถีชีวิตเด็กแนวไต้หวัน ก็ให้ลองเลี้ยวเข้าไปชมหอศิลปะและวัฒนธรรมร่วมสมัย (The Red House) อาคารอิฐสีแดงทรงแปดเหลี่ยมสไตล์ตะวันตก ที่เคยเป็นตลาดสาธารณะแห่งแรกของไต้หวัน ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่แสดงนิทรรศการหมุนเวียนและตลาดนัดในร่มที่เปิดให้ศิลปินท้องถิ่นฝีมือเยี่ยมเปิดขายของทำมือเก๋ไก๋หลากสไตล์

ส่วนบริเวณรอบๆ สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Longshan temple และตรอกซอกซอยข้างวัดหลงซาน (Longshan) เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่และยังคงกลิ่นอายวิถีชีวิตเนิบช้าแบบสมัยก่อนอยู่อย่างชัดเจน วัดหลงซานหรือที่คนไทยรู้จักในนาม วัดมังกร

เป็นเหมือนศูนย์รวมจิตใจของคนไทเป มีรูปปั้นพระโพธิสัตว์ กวนอิมประดิษฐานอยู่และมีผู้เลื่อมใสศรัทธามากมาย เป็นที่รวมเอาปฏิมากรรมและความเชื่อทางพระพุทธศาสนาลัทธิเต๋าและขงจื๊อเข้าด้วยกัน หลังจากไหว้พระทำบุญ คนชอบกินไม่ควรพลาดเดินชมและชิมอาหารในตลาดนัดกลางคืนที่กระจุกตัวอยู่รอบๆบริเวณนี้

ตึกไทเป 101 (Taipei 101) สัญลักษณ์ของเมืองไทเป

ไทเปก็เป็นเช่นดั่งเมืองหลวงอื่นๆ ของโลก ที่ต้องมีสิ่งปลูกสร้างเป็นตัวแทนให้ชาวโลกจดจำได้ง่ายและเป็นสัญลักษณ์ของเมืองอย่าง ตึกไทเป 101 (Taipei 101) ที่เคยครองแชมป์ตึกสูงที่สุดในโลกในช่วงปี 2547-2550 ก่อนที่ตึก Burj Khalifa ของ Dubai จะมาแย่งชิงตำแหน่งไปในปี 2550 แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เป็นหน้าเป็นตา และเป็นความสุขความภาคภูมิใจให้คนไต้หวัน เพราะตึกสูงเสียดฟ้า รูปทรงไม้ไผ่นี้ทำให้ไทเปเป็นที่เหลียวมองเหมือนๆ กับบิ๊กเบนที่ลอนดอน หอไอเฟลที่ปารีส หรือโตเกียวทาวเวอร์ของญี่ปุ่น

ตึกไทเป 101 ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจกลางกรุงไทเป มองเห็นได้แต่ไกลไม่ว่าจากมุมไหน หากใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศเดินเล่นในเมือง อยากมาปีนเขาซึมซับธรรมชาติใจกลางเมือง ภูเขาเซี่ยงซาน (Xiangshan) หรืออีกชื่อหนึ่งว่าเขาช้าง (Elephant Mountain) นับเป็นจุดหนึ่งที่น่าสนใจ ภูเขาเซี่ยงซานเป็นภูเขาที่ปีนได้ง่ายเพราะมีทางเดินเขาอย่างดีและไม่อันตรายแม้แต่น้อย ใช้เวลาในการเดินจากสถานีรถไฟใต้ดิน Xiangshan เพียง 20-30 นาทีเท่านั้น ก็จะมาถึงจุดชมวิวที่สามารถเห็นภาพมุมสูงของเมืองไทเปและความสวยงามของตึกไทเป 101 ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าสมกับเป็นสัญลักษณ์ของเมือง

นอกจากกิจกรรมปีนเขาแล้ว อยากให้ลองใช้บริการจักรยานสาธารณะ (YouBike) ที่มีให้บริการทั่วทั้งเมืองไทเป โดยเราสามารถมองหาจุดจอดรถ YouBike ได้บริเวณทางขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน โดยสามารถยืมใช้ได้ฟรีภายใน 30 นาที

ฉันเลือกปั่นจักรยานลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยในย่าน Zhongxiao Fuxing ซึ่งเป็นถนนสายหลักของเมืองที่ขนาบข้างด้วยตึกสูงระฟ้า เป็นที่รวมห้างสรรพสินค้าและแหล่งช้อปปิ้งมากมายจนได้รับสมญานามว่า ย่านบุยะแห่งไทเป

จุดหมายปลายทางอยู่ที่ Huashan 1914 Creative Park อาคารคอนกรีตสุดเก๋ที่เคยถูกปล่อยทิ้งร้าง แต่มีคนมองเห็นความงามของตึกและถูกฟื้นฟูให้กลายเป็นศูนย์แสดงศิลปะและสวนสาธารณะของเมือง ด้านหน้าเป็นพื้นที่โล่งกว้างให้วัยรุ่นรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ อย่างอิสระ มีสนามหญ้าให้ชาวเมืองมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ อาคารสถาปัตยกรรม ปูนเปลือยสีอิฐส้มสดแบ่งซอยเป็นหลังๆ สำหรับใช้จัดนิทรรศการชั่วคราว รวมไปถึงร้านค้า ร้านหนังสือ คาเฟ่และร้านขายของแฮนด์เมด รับรองเดินชมกันเพลินเลย

การเดินทางย้อนอดีตบนเส้นทางรถไฟสายผิงซี (Pinxi line)

หากมีเวลา ขอแนะนำให้ออกไปเที่ยวนอกเมืองไทเปกันดูบ้าง โดยเดินทางย้อนอดีตสู่เมืองเล็กๆ บนเส้นทางรถไฟสายผิงซี ที่สามารถเดินทาง ง่ายๆ จากไทเปภายในหนึ่งวัน (Day trip) โดยนั่งรถไฟจากสถานีรถไฟไทเปประมาณหนึ่งชั่วโมงไปยังสถานีรุ่ยฟัง (Ruifang station) แล้วซื้อตั๋วรถไฟสายผิงซีแบบเที่ยววันเดียว ซึ่งสามารถขึ้นลงเที่ยวได้ทุกสถานีตามใจชอบ

รถไฟสายผิงซีนั้นมีประวัติยาวนาน ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ขนส่งถ่านหิน เมื่อเหมืองถ่านหินล้มละลาย ก็ได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นรถไฟเพื่อการท่องเที่ยว ทางรถไฟเลียบแม่น้ำจีหลง (Keelung river) ผ่านทิวเขาและทิวทัศน์ที่สวยงามมาก รถไฟสายผิงซีจะวิ่งไปยัง 7 สถานีด้วยกัน ดังนี้ เริ่มที่สถานี Shandiaoling, Dahua, Shifen, Wanggu, Lingjiao, Pingxi และสิ้นสุดที่สถานี Jingtong ตลอดสายยาว 12.9 กิโลเมตร

สถานีแรกที่เราเลือกลงเที่ยวชมคือ โหวต้ง (Houtong) ความน่าสนใจคือ ที่นี่จำนวนประชากรแมวที่มีมากกว่าประชากรคน ชาวบ้านกับแมวอยู่ร่วมกันอย่างเป็นมิตร จนทำให้โหวต้งกลายเป็นหมู่บ้านแมว (Houtong Cat Village) อย่างแท้จริง เราจะได้เห็นสัญลักษณ์และตัวการ์ตูนรูปแมวต่างๆ ตั้งแต่ที่สถานีรถไฟเลยทีเดียว

เมื่อเดินเล่นในหมู่บ้านจะพบน้องแมวนั่งเล่นนอนเล่นอยู่ทั่ว มองไปทางไหนก็มีแต่แมว แมว และแมว

เป็นอีกที่ที่น่าแวะไปสำหรับคนรักแมวสถานีต่อไปที่เราแวะคือ สือเฟิน (Shifen) ซึ่งเป็นสถานีที่ใหญ่ที่สุดสถานีหนึ่งของสายผิงซี แถมที่นี่ยังมีชื่อเสียงโด่งดังเพราะถนนสายหลักเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “Dust in the Wind”

ถึงแม้ว่าจะผ่านไปหลายปีแล้ว ถนนสือเฟินและชานชาลาที่ดูเก่าแก่เรียบง่ายที่เคยเห็นในหนังยังคงมีหน้าตาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเลย ที่เที่ยวเล่นในสือเฟินมีมากมาย ที่ขึ้นชื่อที่สุดคือน้ำตกสือเฟิน เคยได้ยินมาว่าเป็นน้ำตกที่สวยสง่างามจนได้ชื่อว่า “น้ำตกไนแอการาแห่งไต้หวัน”

เราตัดสินใจเช่ามอเตอร์ไซค์จากร้านแถวสถานีรถไฟขับกันไปเที่ยวน้ำตก ตรงทางเข้าน้ำตก เราต้องเดินข้ามสะพานแขวนที่ขนานไปกับเส้นทางรถไฟ ก่อนจะได้สัมผัสกับความอลังการและงดงามของน้ำตกสือเฟิน เดินเล่นเพลิดเพลินกับธรรมชาติรอบกายจนชุ่มฉ่ำใจ ก็ได้เวลาซิ่งมอเตอร์ไซค์กลับไปยังสถานีขึ้นรถไฟไปเที่ยวเล่นที่อื่นกันต่อ

ผิงซี (Pingxi) เป็นสถานีที่เรียบง่ายที่สุดเมื่อเทียบกับสถานีอื่นๆ บ้านพักอาศัยที่นี่สร้างแบบเรียบง่ายเลียบแม่น้ำจีหลง พวกเราได้เดินผ่านวิถีชีวิตของผู้คนตามตรอกซอกซอย หากอยากเห็นหมู่บ้านที่มีกลิ่นอายของไต้หวันอย่างแท้จริงให้มาที่นี่ รับรองไม่ผิดหวัง

ที่นี่ยังมีชื่อเสียงจากเทศกาลโคมไฟผิงซี (Pingxi Sky Lantern Festival) ที่จัดขึ้นทุกปีในช่วงปีใหม่ของจีนระหว่างเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ แม้แต่ช่วงนอกเทศกาลนักท่องเที่ยวก็นิยมลอยโคมเพื่ออธิษฐานขอพรกันอย่างคึกคัก หนึ่งวันบนเส้นทางรถไฟสายผิงซีนั้นสนุกสนานและเต็มไปด้วยสีสัน แถมยังอิ่มท้องเพราะมีอาหารอร่อยๆ ให้ชิมลิ้มลองกันตลอดทั้งวัน

ไทเปในจินตนาการของฉันเคยเป็นเหมือนแค่คนรู้จักแต่ไม่สนิท แต่หลังจากได้มาเยี่ยมเยือนแบบใกล้ชิด และชาวไต้หวันยังต้อนรับขับสู้ผู้มาเยือนด้วยไมตรีที่งดงามเป็นพิเศษ ทำให้ฉันหลงรักเมืองไทเปและไต้หวันได้ไม่ยาก จนสัญญากับตัวเองว่า “วันหนึ่งจะกลับมาเยือนอีก” เพราะไต้หวันยังมีอะไรรอให้เราสัมผัสอีกมากมายทั้งในและนอกไทเป

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0