Akita 365 Days 4 Seasons

Story by Orawan & Photo by Akita tourism

ท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มจะคึกคักบริเวณถนนชูโอ โดริ (Chuo Dori) ใจกลางเมืองอะคิตะ ยามเย็นหลังพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามาทีละน้อย จนกระทั่งครอบคลุมไปทั่วท้องฟ้า พร้อมๆ กับแสงไฟของโคมไฟกระดาษกว่า 50 อันเริ่มส่องแสงสว่างไปทั่วบริเวณ โคมไฟเหล่านี้ถูกแขวนประกอบกันให้เป็นทรงคล้ายกับรวงข้าว แล้วนำไปขึ้นกับไม้ไผ่หรือเสาโคมไฟที่บางอันสูงกว่า 12 เมตรและน้ำหนักมากถึง 50 กิโลกรัม

Akita Kanto Festival_03

กำลังทยอยตั้งขึ้นทีละอันผ่านการยกและเทินตามความถนัดของเหล่าชายหนุ่มที่ร่วมขบวนแห่อยู่ บ้างก็เทินไว้ด้วยไหล่ บ้างก็เทินด้วยฝ่ามือหรือเอว และบางคนก็เทินด้วยหน้าผากที่ยกโคมไฟต้องมีความชำนาญเป็นอย่างมาก การที่เห็นโคมไฟพลิ้วไหวไปมาราวกับรวงข้าวนั้น ถือเป็นความตื่นตาตื่นใจพร้อมกับลุ้นไปกลายๆ ว่าจะล้มตกลงหรือไม่ ผู้ชมและคนร่วมขบวนแห่รู้สึกสนุกสนาน คึกคักมากยิ่งขึ้น

Akita Kanto Festival_02

ยามเมื่อได้ยินเสียงเชียร์คำว่า Dokkoisho, Dokkoisho ที่หมายถึงไม่ให้อ่อนล้าดังลั่น เสียงชัตเตอร์ของเหล่านักท่องเที่ยวกดระรัว บรรยากาศแสนหรรษาเช่นนี้คือเทศกาลสุดยิ่งใหญ่ประจำภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) เทศกาลอะคิตะ คันโต (Akita Kanto Festival) ที่เมืองอะคิตะ (Akita City) ในจังหวัดอะคิตะ (Akita) นั่นเอง

Akita Map

จังหวัดอะคิตะอยู่ทางตอนเหนือของภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) ซึ่งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ด้านฝั่งตะวันตกของจังหวัดหันหน้าเข้าหาทะเลญี่ปุ่น ด้านที่เหลือถูกล้อมรอบด้วยภูเขา มีทั้งพื้นที่ราบกว้างใหญ่และแม่น้ำทำให้เป็นจังหวัดที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิประมาณปลายเดือนเมษายน บริเวณสวนสาธารณะเซ็นชู (Senshu Park)

Akita Senshu Park 02

ในช่วงกลางวันของงานเทศกาลอะคิตะ คันโต เคยใช้เป็นที่จัดแสดงการแบกโคมไฟ หรือแสดงดนตรีนั้น ก็จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่เข้ามาชมซากุระที่พร้อมกันผลิบานออกดอกสีชมพูหวานเต็มพื้นที่ขนาด 162,900 ตารางเมตร หนึ่งในสถานที่ชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียง 1 ใน 100 แห่งของญี่ปุ่น นอกจากต้นซากุระพันธุ์โซเมโยชิโนะ อายุประมาณ 120 ปี ยังมีต้นซากุระอื่นๆ อีกกว่า 800 ต้น ศูนย์กลางของสวนนี้คือเนินเขา ที่ตั้งของปราสาทโบราณยุคปี ค.ศ. 1600 ชื่อ ปราสาทคูโบต้า (Kubota Castle)

Akita Senshu Park 01

เคยเป็นที่อยู่ของไดเมียวตระกูลซาตาเกะ ซึ่งในสวนนี้เราจะได้เห็นอนุสาวรีย์ของไดเมียวซาตาเกะ และศาลเจ้าชินโตที่มีซุ้มประตูโทริอิสีแดงเรียงรายสวยงาม จุดชมวิวที่แนะนำคือ ป้อมโอซุมิยางุระ ที่เคยใช้เป็นที่เก็บอาวุธและหอสังเกตการณ์ของปราสาทมาก่อน ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์และให้เราขึ้นไปชมวิวเมืองได้แบบพาโนรามา และในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สองข้างทางภายในสวนจะมีการออกร้านขายของให้เราได้เพลิดเพลินไปกับผู้คน อาหารการกินและดอกไม้ สนุกสนานเป็นที่สุด

Akita Kanto Festival Center_01

ไม่ไกลกันคุณสามารถเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์โคมไฟ (Kanto Festival Museum) หรือเนบุรินากาชิ-คัง (Neburinagashi-kan) ภายในมีการจัดแสดงประวัติความเป็นมาและนิทรรศการเกี่ยวกับเทศกาลโคมไฟ ทำให้เราเข้าใจเรื่องราว ตำนานเทศกาลได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

Akita Nishimonai Bon Odori_03

ออกจะเป็นเรื่องที่แปลกสักหน่อยที่คนเมืองร้อนอย่างเราจะเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงหน้าร้อน แต่เหตุผลที่เลือกเดินทางในช่วงนี้เพราะแม้อากาศจะร้อน แต่ช่วงหน้าร้อนเป็นช่วงแห่งเทศกาลหรรษาหลากหลายเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นซัมเมอร์เซลส์ การปรับลดราคาสินค้าต่างๆ ราคาไม่แพงแถมยังเป็นเสื้อผ้าที่เหมาะกับการนำกลับมาใช้เมืองไทยได้

Akita Nishimonai Bon Odori_02

อีกหนึ่งเทศกาลที่น่าสนใจช่วงหน้าร้อนอย่างเทศกาลบอน โอโดริ (NishimonaiBon Odori) ซึ่งจะจัดกันในช่วงวันที่ 15-18 สิงหาคมของทุกปี ที่เมืองอูโกะ (Ugo) เป็นเทศกาลเต้นรำพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงและมีประวัติยาวนานกว่า 600 ปี ภายในงานจะมีการจัดงานเต้นรำเหมือนกับว่าเป็นการเต้นรำเพื่อต้อนรับวิญญาณของบรรพบุรุษกลับคืนสู่บ้านของตน

Akita Nishimonai Bon Odori_01

โดยการเต้นรำจะเป็นการจินตนาการว่าเรากำลังเต้นรำกับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ที่อะคิตะมีการจัดขบวนแห่ฟ้อนรำกันไปตามท้องถนน ด้วยชุด หมวก และท่วงท่าลีลาเป็นเอกลักษณ์ แต่ถ้าไม่ได้ไปช่วงเทศกาล สามารถ แวะไปดูรายละเอียดได้ที่พิพิธภัณฑ์บอน โอโดริ ที่เปิดให้เข้าชมได้ อีกหนึ่งเทศกาลหน้าร้อนที่ไม่ควรพลาดคือเทศกาลดอกไม้ไฟ อย่างเทศกาล Omagari Fireworks เทศกาลดอกไม้ไฟที่จัดบริเวณริมแม่น้ำโอโมโนะ (Omono River) เมืองไดเซ็ง (Daisen) ช่วงประมาณวันเสาร์สิ้นเดือนสิงหาคมของทุกปี

Akita Omagari Fireworks 01

เป็นงานที่รวมเอาช่างทำดอกไม้ไฟทั่วญี่ปุ่นมาแข่งขันกัน ดอกไม้ไฟสีสันสวยงามที่กระจายเต็มท้องฟ้า ต่อเนื่องกันคล้ายกับไม่มีจุดจบสิ้น ถือได้ว่าเป็นภาพที่ตื่นตาตื่นใจ และสวยงามสมกับเป็นงานประกวดดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่ในญี่ปุ่นอีกที่หนึ่งเลย ที่ไดเซ็งได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งดอกไม้ไฟ (The Town of Firework) เพราะเป็นแหล่งผลิตดอกไม้ไฟและพลุที่ดีแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น

Akita Omagari Fireworks 04

แค่เพียงคุณมองขึ้นไปบนฟ้า คุณจะได้เห็นความงดงามของฤดูร้อน กระจายตัวเต็มผืนฟ้าไปหมด นอกจากนั้นเมืองนี้ยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น สวนเก่าแก่ของตระกูลอิเคดะ (Former Ikeda Family Garden) เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ มีพื้นที่กว้างกว่า 42,000 ตารางเมตร ความโดดเด่นของสวนอยู่ที่อาคารสถาปัตยกรรมแบบยุโรปสีขาวที่ตั้งถูกแวดล้อมด้วยสวนสวย ยิ่งช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเราจะเห็นอาคารโดดเด่นท่ามกลางสีสันของฤดูกาล

Akita Ikeda Family Gardens 01

สวนแห่งนี้เป็นของคุณอิเคดะ ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินรายใหญ่ของเขตโทโฮคุ (Tohoku) นอกจากจะมีอำนาจและทรัพย์สินมากมายคุณอิเคดะเองยังได้บริจาคเงินให้เป็นสาธารณประโยชน์กับชาวบ้านอีกด้วยจึงได้รับการเคารพยกย่องจากชาวเมืองอะคิตะ ที่สวนแห่งนี้ก็สามารถเข้าชมได้ถึงด้านในตัวอาคารทีเดียว

Akita Misato General Gymnasium 3

เมืองเซ็นโบกุ (Senboku) เป็นหนึ่งเมืองที่หากคุณมาอะคิตะแล้วควรที่ต้องแวะ เพราะพร้อมพรั่งไปด้วยธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

Akita Misato General Gymnasium 4

ภาพของบ้านโบราณที่มีฉากหลังเป็นภูเขาหลากสี เป็นภาพความสวยงามแปลกตาที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง สำหรับคอกีฬาไม่ควรพลาดที่จะแวะยิมเนเซี่ยมมิซาโตะลิริออส (Misato General Gymnasium, Lirios)

Akita Misato General Gymnasium 1

นอกจากจะใช้เป็นสนามแบดมินตันแล้ว ก็ปรับให้เป็นสนามฟุตซอล และสนามบาสเกตบอลได้อีกด้วย

Akita Misato General Gymnasium 2

ที่นี่ยังใช้เป็นทั้งที่เก็บตัว ที่ฝึกซ้อมของนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย เพื่อเตรียมลงแข่งขันกีฬาแบดมินตันในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ คือ โอลิมปิกปี 2020 ที่โตเกียวเป็นเจ้าภาพ

Akita Misato General Gymnasium 5

ข้างๆ กันคืออาคารที่พักนักกีฬาวาคุอะซึ (Misato-cho accommodation Exchange Center “Wakuasu”) ซึ่งเป็นที่พักนักกีฬานั่นเอง

Akita Kakunodate Samurai Residence(Spring) 03

อีกสถานที่ท่องเที่ยวหลักที่ไม่แวะไม่ได้หากมาแถบเซ็นโบกุ นั่นก็คือหมู่บ้านซามุไรคะคุโนะดะเตะ (Kakunodate Samurai Village) ชุมชนซามุไรกว่า 80 ตระกูลที่เคยอาศัยอยู่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1620

Akita Kakunodate Samurai Residence(Autumn) 02

ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของที่ราบเซ็นโบกุ แม้เวลาผ่านไปกว่า 400 ปี บ้านเรือนหลายหลังในแถบนี้ยังได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ในหมู่บ้านจะแบ่งเป็น 2 โซน คือ โซนบ้านซามุไร (Samurai District) และโซนบ้านพ่อค้า (Merchant District) มีบ้านซามุไรประมาณ 6-8 หลัง

Akita Kakunodate Samurai Residence (Spring) 04

เปิดให้เข้าชมทั้งภายในและภายนอก

Akita Aoyagi Manor 01

เช่น บ้านอะโอยะกิ (Aoyagi House), บ้านอิชิกุโระ (Ishiguro House) เป็นต้น ที่นี่ไม่ว่าคุณจะมาฤดูกาลไหนก็สวยงามไม่แพ้กัน ยามใบไม้ผลิใบไม้สีเหลืองส้มแดงตัดกับบ้านเรือนสีน้ำตาลเข้มเป็นภาพที่หลายคนชื่นชอบ

Akita New2

ในยามฤดูใบไม้ผลิดอกซากุระสีชมพูก็ย้อมให้บริเวณนี้สวยหวานน่าชม

Akita Hinokinai River 02

ไม่ไกลกันนั้นบริเวณแม่น้ำฮิโนะคิไน (Hinokinai River) คุณก็จะได้เห็นแนวต้นซากุระกว่า 800 ต้นยาวเหยียดตลอดแนวแม่น้ำ เป็นอีกหนึ่งจุดสำหรับชมซากุระที่ห้ามพลาด

Akita New1

อีกหนึ่งแห่งที่ไม่ไกลจากหมู่บ้านซามุไรคือที่ตั้งของทะเลสาบทะซะวะ (Tazawa Lake) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอุทยานแห่งชาติโทวะดะฮะจิมันไต (Towada-Hachimantai National Park)

Akita Tazawa Lake 004

เป็นทะเลสาบบนปากปล่องภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วนอกจากจะครองอันดับทะเลสาบที่ลึกที่สุดกว่า 423.4 เมตรแล้วน้ำในทะเลสาบนี้ไม่เคยจับตัวเป็นน้ำแข็งเลย แม้ว่าอุณหภูมิจะลดต่ำแค่ไหน

Akita Tazawa Lake 04

บางตำนานเล่ากันมาว่า เหตุที่ทะเลสาบไม่เคยจับเป็นน้ำแข็งเพราะความรักอันอบอุ่นของเจ้าหญิงทัตสุโกะ (Tatsuko) กับหนุ่มคนรักนั่นเอง

Akita Tazawa Lake 003

บ้างก็ว่าเจ้าหญิงขอพรให้มีความงามเป็นนิรันดร์เลยถูกสาปให้เป็นมังกรพ่นไฟจมอยู่ใต้ทะเลสาบแห่งนี้

Akita Tazawa Lake 001

ส่วนใครอยากรู้ว่าเจ้าหญิง Tatsuko หน้าตาเป็นอย่างไรก็ดูได้จากรูปปั้นสีทอง ที่เป็นแลนด์มาร์กได้เลย

Akita Dakigaeri Gorge 02

ส่วนคนที่ชื่นชอบธรรมชาติแล้วละก็ที่ หุบเขาดะคิกะเอริ (Dakigaeri Valley)

Akita Dakigaeri Gorge 01

เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่หากได้ไปเห็นต้องร้องว้าวซ้ำแล้วซ้ำอีก

Akita Dakigaeri gorge_01

ภาพของน้ำสีฟ้าใสสะท้อนกับสีเหลืองส้มแดงที่สลับกันของใบไม้ของสองข้างหุบเขา

Akita Dakigaeri gorge_02

โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิวของสะพานเก่าคะมิโนะอิวะฮะชิ (Kami-no-Iwahashi) เป็นที่สุดของจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในแถบนี้ได้เลย

Akita Dakigaeri Gorge 03

แต่ถ้าคุณมาช่วงเวลาอื่นก็สวยงามไม่แพ้กัน อย่างฤดูร้อนคนก็น้อยหน่อย

Akita Tsurunoyu Onsen 04

ถ้าคุณมาช่วงฤดูหนาวอะคิตะถือได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนชื่นชอบการนอนอาบน้ำแร่แช่น้ำร้อนธรรมชาติแห่งนี้ จากทะเลสาบทะซะวะขึ้นภูเขาไปเรื่อยๆ ในช่วงฤดูหนาวที่ป่าสนถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดขาวบริสุทธิ์ของหิมะท่ามกลางความหนาวเหน็บมีที่พักแบบเรียวกังออนเซ็นรอต้อนรับคุณอยู่เรียกว่า ย่านนิวโตะ ออนเซ็น (Nyuto Onsen)

Akita Tsurunoyu Onsen 03

ซึ่งมีที่พักให้คุณซึมซับความอบอุ่นของน้ำแร่พร้อมไปกับการชมธรรมชาติไปในคราวเดียว ที่นี่มีที่พักน่าสนใจกว่าสิบแห่ง อย่างที่ ทสึรุโนะยุ ออนเซ็น (Tsurunoyu Onsen) เป็นออนเซ็นที่เร้นลับกลางเขา จนได้ฉายาว่า The Secret Onsen และเก่าแก่ที่สุดสร้างตั้งแต่ปี 1638 อายุมากกว่า 380 ปี ในอดีตเป็นที่สำหรับเหล่าไดเมียว และซามุไรได้มาอาบน้ำกัน เป็นออนเซ็นกลางแจ้งขนาดใหญ่เป็นแบบรวมชาย-หญิง แต่ไม่ต้องกังวลสำหรับผู้หญิง แบบห้องแยกหญิงอย่างเดียวก็มี ที่นี่คิวค่อนข้างยาวมาก

Akita Nyuto Hot spring Village (Kuroyu Onsen) 01

อีกหนึ่งแห่งที่เปิดทำการมานานไม่แพ้กันคือ คุโรยุออนเซ็น (Kuroyu Onsen) กว่า 340 ปี จุดเด่นคือเรือนไม้สไตล์ดั้งเดิม ที่นี่จะปิดให้บริการในช่วงกลางฤดูหนาวที่มีหิมะตกลงมาทับถมกันอย่างหนัก จึงควรวางแผนมาเที่ยวในระหว่างช่วงฤดูใบไม้ผลิจนถึงปลายฤดูใบไม้ร่วงจะดีที่สุด

Akita Nyuto Hot spring Village (Kuroyu Onsen) 02

จุดเด่นของที่นี่ที่ได้รับการเรียกว่า Black Onsen ก็คือถ้าเรานำไข่ไปแช่ในแหล่งน้ำพุร้อนของที่นี่เปลือกไข่จะเปลี่ยนเป็นสีดำเนื่องจากปฏิกิริยาทางเคมีแต่ด้านในยังคงเป็นสีขาวเหมือนเดิมนะ และน้ำพุร้อนสีนมสรรพคุณดีที่บำบัดเกี่ยวกับโรคไขข้อ โรคผิวหนัง และช่วยในการไหลเวียนของโลหิตให้ดีขึ้น

Akita Taenoyu Onsen 03

แต่ถ้าเป็นออนเซ็นที่ทันสมัยหน่อย แนะนำที่ทาเอโนยุออนเซ็น (Taenoyu Onsen) ซึ่งเป็นเรียวกังที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเซนดัทสึ (Sendatsu River) มีที่แช่น้ำแร่กลางแจ้งแบบรวมที่สามารถมองเห็นวิวน้ำตกได้

Akita Taenoyu Onsen 04

ในช่วงฤดูหนาว หนึ่งความเชื่อของคนอะคิตะที่น่าสนใจ คือเรื่องราวของนามาฮาเกะ (Namahage) เป็นตัวแทนแห่งเทพเจ้าภูเขา เพื่อไปจับเด็กที่ร้องไห้โยเย เด็กดื้อ เด็กขี้เกียจ แล้วเอาขึ้นไปบนเขา

Akita Namahage Sedo Festival_03

โดยในช่วงก่อนวันขึ้นปีใหม่หนุ่มๆ ในเขตเมืองโองะ (Oga) จะมีธรรมเนียมที่แต่งชุดฟางและหน้ากากยักษ์หรือชุดนามาฮาเกะ ในมือจะถือมีดอีโต้ ไปเคาะตามประตูบ้าน

Akita Namahage Sedo Festival_02

จากนั้นจะถามหาเด็กที่เกเร หรือขี้เกียจ

Akita Namahage Museum 03

โดยหัวหน้าครอบครัวก็จะเปิดประตูบ้านเอาเครื่องดื่มอย่างสาเกออกมาต้อนรับและขอร้องไม่ให้เอาคนในบ้านไป

Akita Namahage 02

ยักษ์ก็จะรับของและอวยพรให้ครอบครัวโชคดี เวลาผ่านไปพอจัดเป็นเทศกาลพ่อแม่ก็จะพาเด็กๆ มาร่วมงานที่หมู่บ้านและสอนให้ลูกไม่ดื้อไม่ซน ผู้ใหญ่อย่างเรามองดูแล้วก็รู้สึกสนุกสนานกับเสียงดนตรีที่คึกคัก

Akita Namahage 04

แต่เด็กๆ เห็นยักษ์แล้วร้องไห้กันโยเยทีเดียว อีกความเชื่อคือ ถ้าคุณเก็บฟางจากชุดของนามาฮาเกะได้จะโชคดี เช่นเดียวกันถ้าคุณไม่สามารถมาในช่วงเทศกาลได้ คุณสามารถไปชมเรื่องราวของนามาฮาเกะได้ที่พิพิธภัณฑ์ นามาฮาเกะ (Namahage Museum) ที่เมืองโองะ

Akita Namahage Museum 04

ภายในจะได้จัดแสดงเรื่องราววิธีการสร้างหน้ากากรวมไปถึงเครื่องแต่งกายที่จะสวมเป็นชุดฟางสาน อีกทั้งยังมีอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้เป็นอาวุธ อย่างมีดหรือกระบอง แม้ภายในจะมีบรรยายเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่เดินดูแล้วก็เข้าใจได้ง่ายๆ

Akita Namahage Museum 01

หรือถ้าใครอยากเป็นนามาฮาเกะก็มีบูทถ่ายภาพให้คุณสามารถสวมใส่ชุดนามาฮาเกะได้ อีกด้วย

Akita Namahage Museum 02

นอกจากธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม เทศกาลที่น่าสนใจแล้ว หลายคนเลือกเดินทางมาที่อะคิตะก็เพื่อเรียนรู้ภาษา วัฒนธรรมวิถีชีวิตของชาวบ้านญี่ปุ่นและเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวชาวญี่ปุ่นผ่านกิจกรรมในฟาร์มสเตย์ (Farm Stay)

Akita Snow House 04

ซึ่งตัวโปรแกรมจะมีกิจกรรมให้เราได้ร่วมใช้ชีวิตประจำวันไปกับชาวเมืองอะคิตะ เช่น เก็บผลผลิตในฟาร์มสเตย์แล้วกลับมาทำอาหารในมื้อพิเศษ มาลองใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวชาวจังหวัดอะคิตะและคนท้องถิ่นผ่านตัวแทนบริษัททัวร์ที่ร่วมกับรัฐบาลเมืองได้

Akita Snow House 03

จะเห็นได้ว่าไม่ว่าคุณจะเป็นนักเดินทางประเภทไหน ทั้งสายวัฒนธรรม สายธรรมชาติ หรือสายชิล หรือเป็นนักเดินทางอิงฤดูกาล ไม่ว่าฤดูกาลไหนคุณก็สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวอะคิตะได้ตลอด 4 ฤดูกาล 365 วัน

ขอขอบคุณการท่องเที่ยวจังหวัดอะคิตะ

 

– ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม) แม้บางส่วนจะยังมีหิมะปกคลุมแต่อากาศจะเริ่มอบอุ่นขึ้นไปที่ประมาณ 13-15 องศาเซลเซียส เตรียมเสื้อคลุมหรือแจ็กเกตมาใส่ทับอีกสักชั้นกำลังดี
– ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) แม้จะเป็นฤดูร้อน แต่อากาศไม่ถึงกับร้อนมากจนรับไม่ได้ อากาศจะอยู่ประมาณ 15-26 องศา ยกเว้นในเดือนสิงหาคมที่อากาศอาจขยับถึง 29 และ 30 องศาเซลเซียส
– ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน) เป็นช่วงที่มีปริมาณน้ำฝนค่อนข้างสูง อากาศจะเริ่มเย็นลง และอุณหภูมิลดต่ำจนถึง 4 องศาเซลเซียสในเดือนพฤศจิกายน ควรเตรียมเสื้อกันหนาวหรือแจ็กเกตมาด้วย ช่วงนี้ใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยงามมาก
– ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) ทั่วทุกพื้นที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ อากาศจะอยู่ที่ไม่เกิน 5 องศาเซลเซียส ควรเตรียมเสื้อผ้ากันหนาวมาให้พร้อม

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0