รอยอดีตอันล้ำค่าที่เมืองสุโขทัย

Story & Photo by Orawan

Sukhothai 08285

“มรดกล้ำเลิศ กำเนิดลายสือไทย เล่นไฟลอยกระทง มั่นคงพระพุทธศาสนา งามตาผ้าตีนจก สังคโลกทองโบราณ สักการแม่ย่าพ่อขุน รุ่งอรุณแห่งความสุข” นี่คือคำขวัญของจังหวัดสุโขทัยที่เมื่อ 700 ปีที่แล้ว พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นราชธานีที่รุ่งเรือง และตลอดระยะเวลา 120 ปีของราชวงศ์สุโขทัย มีกษัตริย์ปกครองหลายพระองค์หนึ่งในกษัตริย์ที่สำคัญ พระองค์หนึ่ง นั่นก็คือ “พ่อขุนรามคำแหงมหาราช” ผู้ทรงประดิษฐ์อักษรไทย และวางรากฐานการเมือง การปกครอง ศาสนา ตลอดจนขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง ภาพความรุ่งเรืองในอดีตนั้นยังคงมีให้เห็นได้อย่างชัดเจนอยู่ที่นี่ “อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย”

Sukhothai 08389

ด้วยพื้นที่กว่า 70 ตารางกิโลเมตรของอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เชื่อเถอะว่า คุณไม่สามารถเดินชมได้หมดเป็นแน่ ท่านใดขับรถมาสามารถนำรถเขาไปในเขตอุทยานได้แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเล็กน้อย

Sukhothai 08274

แต่ถ้าไม่มีรถขอแนะนำให้ใช้บริการรถรางนำชมรอบๆ บริเวณอุทยานหรือใช้บริการให้เช่าแบบฉัน ราคาไม่แพงมากนัก เท่านี้คุณก็สามารถเข้าชมสถานที่ได้อย่างทุกซอกทุกมุมและยังได้ออกกำลังกายไปในตัวอีกด้วย

Sukhothai 08284

หากเลือกที่จะปั่นจักรยาน แนะนำให้มาช่วงเช้าหรือช่วงบ่ายแก่ๆ ถึงเย็น อากาศจะดีหน่อย ช่วงกลางวันค่อนข้าง จะร้อนไปนิด โดยเฉพาะหากมาคืนวันเสาร์จะพิเศษหน่อยคือ จะมีการเปิดไฟส่องโบราณสถานในช่วงค่ำและเปิดให้เข้าชมไปถึง 3 ทุ่ม

Sukhothai 08261

สัมผัสแรกที่ได้มาที่นี่ ก็คือความรู้สึกสดชื่น เย็นสบาย ด้วยเพราะเหล่าบรรดาต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาเป็นร่มเงาทั่วทั้งบริเวณอุทยานนั่นเอง สถานที่แรกที่เราเดินทางไปสักการะคือ พระบรมราชานุสาวรีย์ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช หล่อด้วยโลหะทองเหลืองผสมทองแดงรมดำ ขนาด 2 เท่าขององค์จริง สูง 3 เมตร พระหัตถ์ขวาทรงถือสมุดไทยอันหมายถึงสรรพวิทยาการต่างๆ ที่พระองค์ทรงรอบรู้ พระหัตถ์ซ้ายแสดงลักษณะทรงสั่งสอนพสกนิกรหรือขณะออกว่าราชการ ยามที่มองไปยังพระพักตร์ที่ช่างได้หล่อเหมือนอย่างพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยตอนต้นให้ความรู้สึกได้ถึงความมีเมตตากรุณา แต่ก็แฝงไปด้วยความยุติธรรมและเด็ดเดี่ยว บริเวณที่แท่นฐานมีภาพจำหลักอย่างเช่น ภาพจูงวัวไปค้า ขี่ม้าไปขาย ใครจักใคร่ค้าช้าง ค้า ใครจักใคร่ค้าม้า ค้า ซึ่งเป็นประโยคที่คุ้นหูเรายิ่งนัก

Sukhothai 08265

ด้วยอาณาบริเวณที่กว้างขวาง มีโบราณสถานและวัดมากมายที่น่าสนใจ ถ้าจะให้เที่ยวครบเกือบทุกจุดคิดว่าคงต้องใช้เวลาเกือบ 2 วันเห็นจะได้ แต่สำหรับคนที่ไม่มีเวลามากนัก ฉันขอแนะนำสถานที่แรกที่เป็นไฮไลต์หลักนั่นก็คือ วัดมหาธาตุ ซึ่งตั้งอยู่กลางเมือง เป็นวัดใหญ่ โดยมีเจดีย์ประธานของวัด ทรงดอกบัวตูมหรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ เจดีย์เป็นลักษณะของศิลปะสุโขทัยโดยแท้ ที่อยู่ล้อบรอบคือเจดีย์ 8 องค์ บนฐานเดียวกัน จากการสำรวจพบว่าบริเวณวัดมหาธาตุมีเจดีย์แบบต่างๆ มากถึง 200 องค์ วิหาร 10 แห่ง ซุ้มพระ (มณฑป) 8 ซุ้ม พระอุโบสถ 1 แห่ง ตระพัง 4 แห่ง เวลาเดินเข้าในบริเวณจะรู้สึกเหมือนราวกับเดินผ่านประตูเข้าไปสู่อดีตกาลก็ไม่ปาน จากนั้นไปสักการะพระอจนะ ที่วัดศรีชุม คำว่าศรีชุมมาจากคำเรียกพื้นเมืองเดิม หมายถึงดงของต้นโพธิ์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง

Sukhothai 08318

ที่เห็นเด่นชัดงดงามมาแต่ไกลคือ องค์พระอจนะ พระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่เต็มมณฑปผนังทางด้านใต้มีช่องให้คนเข้าไปภายใน และเดินขึ้นไปตามทางบันไดแคบๆ สามารถขึ้นไปถึงสันผนังด้านบนสุดได้ หรือสามารถโผล่ด้านข้างขององค์พระอจนะ (ตรงส่วนนี้บางครั้งจะปิดไม่ให้เดินขึ้นไปชม) หากมีคนแอบอยู่ตรงจุดนี้ แล้วพูดออกมาเสียงนั้นก็จะดังกังวานราวกับเป็นเสียงขององค์พระอจนะ เพราะวิหารนี้ไม่มีหน้าต่างและเดิมคาดว่าด้านบนหลังคาเป็นรูปโค้งคล้ายโดม ปัจจุบันด้านบนหลังคาได้พังทลายลงมาหมดแล้ว จึงเป็นที่มาของคำว่า พระพูดได้ นอกจาก 2 จุดหลักนี้แล้วยังมีโบราณสถานจุดอื่นๆ อีกที่น่าสนใจ อย่างเช่น วัดช้างรอบที่มีฐานเจดีย์สี่เหลี่ยมจัตุรัสมีช้างโผล่ครึ่งตัว มีจำนวน 24 เชือก, วัดช้างล้อมที่เจดีย์ทรงกลมแบบลังกาเป็นประธานของวัด, วัดตระพังเงิน ตระพังก็คือสระน้ำหรือหนองน้ำ วัดนี้ตั้งอยู่ขอบตระพังเงินของวัดมหาธาตุ เป็นต้น

Sukhothai 08348

ไม่ไกลจากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยมากนักมีชุมชนหนึ่งชื่อ ชุมชนบ้านใหม่ตระพังทอง เป็นชุมชนที่ผลิตเครื่องสังคโลก เครื่องปั้นดินเผาคุณภาพดี ที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน ลักษณะเด่นของเครื่องสังคโลกคือตัวผลิตภัณฑ์มีสีขาว สีเขียว และสีน้ำตาลแดงเนื้อละเอียด แตกลายงา เพราะผ่านการเคลือบน้ำยา สันนิษฐานว่าคำว่าสังคโลกนั้น เพี้ยนมาจากคำว่า สวรรคโลก อันเป็นชื่อแหล่งผลิตเครื่องสังคโลกที่ใหญ่และสำคัญที่สุดนั่นเอง เครื่องสังคโลกนั้นถูกผลิตขึ้นเพื่อใช้ในศาสนพิธีหรือพิธีกรรมตามลัทธิความเชื่อ เช่น กระถางธูป หรือ ถ้วยโถโอชามที่ถวายแก่วัดหรือพระสงฆ์ รวมทั้งเครื่องใช้ที่ฝังรวมไปกับศพตามความเชื่อที่จะให้เป็นของใช้ของผู้ตายในโลกหน้า ตลอดจนนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ ภาชนะจำพวกถ้วยโถโอชามต่างๆ กระปุก ตลับ กุณโฑ กุณฑี และหม้อน้ำ เป็นต้น

Sukhothai 08341

ที่ชุมชนนี้มีศูนย์เรียนรู้เครื่องเคลือบดินเผาสังคโลกที่เปิดให้นักท่องเที่ยว ได้เข้าชมกระบวนการผลิต เครื่องสังคโลกที่มีมายาวนานกว่า 60 ปี พร้อมกับเลือกซื้อหาสินค้าคุณภาพเยี่ยมไปฝากคนทางบ้านแล้ว ยังมีกิจกรรมให้ทดลองวาดลวดลายลงบนเครื่องปั้นดินเผาด้วยตนเอง และเครื่องปั้นดินเผาชิ้นนั้นก็จะถูกผ่านกรรมวิธีการผลิตส่งเป็นของที่ระลึกให้ถึงที่บ้านเราเลย ฉันเองก็ไม่พลาดที่จะทดลองทำก็รู้เลยว่าลวดลายที่วาดลงบนผลิตภัณฑ์นั้นต้องใช้ทักษะและความประณีตในการเขียนลายเป็นอย่างมาก รู้สึกชื่นชมในงานฝีมือของชาวบ้านจริงๆ

Sukhothai 08290

นอกจากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยที่ถือว่าเป็นสถานที่ ท่องเที่ยวหลักของจังหวัดสุโขทัยแล้ว อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองสุโขทัยมาประมาณ 1 ชั่วโมงทางเหนือ ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจ ที่นี่พร้อมด้วยอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ได้รับเกียรติให้ลงทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ภายใต้ชื่อว่า “เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร” (Historic Town of Sukhothai and Associated Historic Towns) เมื่อปี พ.ศ. 2534 ก่อนที่จะถึงอุทยานประมาณ 3 กิโลเมตรนั้นจะมีวัดที่น่าแวะชมก่อนนั้นก็คือ “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร” หรือ วัดพระบรมธาตุเมืองเชลียง ชาวบ้านเรียกกันว่าวัดพระปรางค์ วัดนี้อยู่นอกกำแพงเมืองเก่าศรีสัชนาลัย ส่วนที่สวยงามและอลังการคือตัวองค์ปรางค์ประธาน ที่ก่อด้วยศิลาแลงฉาบปูน เป็นแบบสถาปัตยกรรมอยุธยาตอนต้น และถัดไปไม่กี่อึดใจก็เป็นบริเวณของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย

Sukhothai 08297

แม้ที่นี่จะเล็กกว่าที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเกือบครึ่ง คือมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 45.14 ตารางกิโลเมตร แต่ความน่าสนใจก็ไม่แพ้กัน เช่น วัดช้างล้อม ซึ่งช้างปูนปั้นที่ล้อมอยู่จะยืนเต็มตัวแยกออกจากผนัง มีขนาดสูงใหญ่กว่าช้างจริง ส่วนด้านหน้ามีพุ่มดอกบัวปูนปั้นประดับไว้ ส่วนด้านหน้าวัดช้างล้อมคือวัดเจดีย์เจ็ดแถว ซึ่งมีเจดีย์แบบต่างๆ กันมากมาย ทั้งที่เป็นศิลปะสุโขทัยแท้ และเป็นศิลปะแบบศรีวิชัยผสมสุโขทัย ส่วนสาเหตุที่เรียกว่า วัดเจดีย์เจ็ดแถวเนื่องจากได้พบเจดีย์จำนวนมากหลายแถวภายในวัด เป็นต้น

Sukhothai Gold

งานฝีมือขนานแท้สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาที่ศรีสัชนาลัยนี้ก็คือ งานเกี่ยวกับทองสุโขทัยหรือที่ผู้คนทั่วไปนิยมเรียกกันจนติดปากว่า “ทองโบราณ” เพราะทำลวดลายเลียนแบบทองโบราณ ในการผลิตชิ้นงานต่างๆ จะใช้ทองเปอร์เซ็นต์สูงถึง 99.99 % โดยสีของ
ทองจะเป็นสีเหลืองจำปาและเป็นงานที่ผลิตด้วยมือแทบทุกกระบวนการ มีเครื่องมือที่ช่วยในการผลิตแบบง่ายๆ เท่านั้น ทำให้งานที่ได้ออกมามีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์สวยงามแปลกตา ซึ่งกว่าจะได้ผลงานแต่ละชิ้นในเวลานานมาก ดังนั้น
ไม่แปลกใจว่าราคาจึงได้ค่อนข้างสูง ฉันได้แต่เดินเฉียดไปมองเท่านั้น

Sukhothai 120341

ส่งท้ายการเดินทางกันด้วย เมนูเด็ดขึ้นชื่อของจังหวัดหากไม่ได้รับประทานก็เหมือนไม่ได้มาสุโขทัยก็คือ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย แบบไหนถึงเรียกว่าของแท้ อันดับแรกเลยคือน้ำตาลปิ๊ป ที่ทำให้ รสชาติหวานนำ สิ่งที่ขาดไม่ได้ต่อไปคือถั่วลิสงคั่วป่น, ไชโป๊วสับ, น้ำปลา, น้ำมะนาว เพิ่มพริกป่นปรุงรส แล้วอย่าลืมถั่วฝักยาวที่ต้องหั่นแฉลบเป็นท่อนๆ ถั่วงอกอีกสักหน่อย และใส่เนื้อหมูลวก, หมูแดง, หมูสับแล้วแต่ตามชอบ เวลารับประทาน ก็คลุกเคล้าเครื่องปรุงทั้งหมดให้เข้ากัน คุณจะได้รสชาติที่หวานกลมกล่อมจากน้ำตาลปิ๊ป จัดจ้านด้วยพริกป่น (หากคุณใส่เยอะ) และกรุบกรอบด้วยผิวสัมผัสของถั่วฝักยาว อร่อยจนต้องสั่งเพิ่มเลยงานนี้ ร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยมีร้านหลายร้าน เลือกกันได้ตามสะดวก

จะเห็นได้ว่าสุโขทัยนอกจากจะโดดเด่นด้วยมรดกโลกทางประวัติศาสตร์แล้ว ศิลปวัฒนธรรม งานฝีมือก็โดดเด่นไม่แพ้กัน และที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น เขาหลวงที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวเช่นฉัน สัญญากับตัวเองว่าครั้งหน้าจะกลับมาเยือนที่เมืองรุ่งอรุณแห่งความสุข แห่งนี้อีกครั้งให้ได้

– สุโขทัย มาจากคำสองคำคือ สุข+อุทัย หมายความว่า รุ่งอรุณแห่งความสุข
– การเดินทางมาสุโขทัย นอกจากขับรถมาเองหรือนั่งรถประจำทางมาแล้ว ยังสามารถเดินมาทางรถไฟลงที่สถานีพิษณุโลก หรือนั่งเครื่องมาลงที่สนามบินพิษณุโลกแล้วต่อมายังสุโขทัยได้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
– อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 06.30 – 19.30 น. ยกเว้นวันเสาร์ที่เปิดบริการถึง 21.00 น. พร้อมทั้งมีเปิดไฟส่องโบราณสถาน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.finearts.go.th/sukhothaihistoricalpark/
– อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.finearts.go.th/sisatchanalaihistoricalpark/

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0