ธิดารัตน์ มีสุขศรี – สาวนักเดินทาง ผู้เรียนรู้โลก เรียนรู้ตัวเองและผู้อื่น
Story by : อินทุอร / Photo by : ธิดารัตน์ มีสุขศรี
เป็นอีกหนึ่งสาวที่รักการเดินทางแบกเป้ได้ไม่ยิ่งหย่อนกว่าชายอกสามศอกคนไหน เมื่อครั้งที่คุณธิดารัตน์ มีสุขศรี หรือคุณจุ๊ รับหน้าที่ในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ (R&D Packaging Specialist) บริษัท Nestle (R&D) Center (Pte) Ltd. ที่ประเทศสิงคโปร์ แต่ก็มีคำสัญญากับเพื่อนสนิทที่จะต้องกลับมาเดินลุยป่าด้วยกันทุกปี
“ตอนที่จุ๊มาทำงานที่สิงคโปร์ แบรนด์ที่ดูแลอยู่คือไมโลและเนสกาแฟ ตอนแรกจุ๊ทำงานดูแลการบรรจุในฝ่ายผลิตที่เนสท์เล่ประเทศไทย จนย้ายมาประจำที่นี่ แม้ว่าจะเคยทำงานกับชาวต่างชาติมาก่อนตอนอยู่เมืองไทย แต่ที่นี่แตกต่างกันมาก การทำงานกับคนหลายเชื้อชาติและหลายวัฒนธรรม บริษัทเนสท์เล่มีหน่วยงานอยู่ทั่วโลกจึงทำให้จุ๊ได้มีโอกาสเดินทางบ่อย เราเป็นคนชอบเที่ยวอยู่แล้ว พอมีโอกาสไปดูงานหรือไปประชุมตามประเทศต่างๆ จะคอยหาช่องทางอยู่ต่อเพื่อเที่ยวเองเสมอ หัวหน้างานก็เข้าใจค่ะ เพราะเขาให้ความสำคัญกับ Work Life Balance เขาจะสนับสนุนว่า เมื่อทำงานสำเร็จแล้ว เราควรใช้โอกาสในวันหยุดให้เต็มที่่”
หลังจากทราบตารางการทำงานแล้วคุณจุ๊ก็ลุยวางแผนเที่ยวต่อเองทันที “คือเวลาไปทำงาน เราจะได้มีโอกาสพักในโรงแรมดีๆ ใช่ไหมคะ แต่พอต้องอยู่ต่อ จุ๊จะเลือกพักโรงแรมราคาประหยัดลงมาหน่อย เพื่อนำเงินที่เหลือไปใช้กับค่าอาหารให้เต็มที่ ไปที่นี่่เมืองนี้ต้องกินอะไร ต้องกินร้านไหน จุ๊จะไม่พลาดเสมอ” แผนปันเงินสำหรับท่องเที่ยวใน 1 ปี “จุ๊เป็นพนักงานกินเงินเดือนเหมือนกัน ดังนั้น เรื่องวางแผนทางการเงินเลยเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเราชอบเที่ยวดังนั้นต้องเก็บเงินไว้สำหรับส่วนนี้ด้วย จุ๊ใช้วิธีวางแผนล่วงหน้าเลยว่าปีนี้จะไปไหนบ้างเป็นทริปหลักๆ ใช้เวลาเดินทางนาน ดังนั้นค่าใช้จ่ายก็เยอะหน่อย ต้องเก็บเงินเท่าไร คือเงินเดือนของจุ๊จึงแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน เงินเก็บสำหรับทริปและเงินออม นอกจากนัั้นก็เผื่อไว้สำหรับทริปเล็กทริปน้อย ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเดินทางเวลาไปทำงาน เพราะไหนๆ ก็ไปถึงที่นั่นแล้ว จะไม่อยู่ต่อก็ค่อนข้างเสียดายค่ะ (หัวเราะ)”
ว่ากันด้วยทริปแรกของสาวนักโบก “ตอนเรียนปริญญาตรีที่คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุ๊กับเพื่อนชอบทำกิจกรรมออกค่ายกันค่ะ เรียกได้ว่า ได้ช่วยเหลือสังคมด้วยได้เที่ยวด้วย แบกเป้โบกรถกันไปถึงภาคเหนือขึ้นดอยทุกปี จนกลายเป็นคนติดธรรมชาติ ยิ่งมาทำงานที่กรุงเทพฯ รถติดกลับดึก ทำให้รู้สึกว่าเวลาของเราหมดไปกับการทำงาน จนบอกกับเพื่อนว่าออกไปหาธรรมชาติกันดีกว่า เราเลยสัญญาว่าจะไปเดินป่ากันทุกปี แม้ว่าตอนนี้จะย้ายมาทำงานที่สิงคโปร์แล้ว ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ เราเองก็ยังรักษาสัญญานั้นอยู่ คือจะกลับไปเดินป่าด้วยกันเพราะเรารู้สึกเหมือนได้พักผ่อนจิตใจ เติมพลังก่อนกลับไปลุยงานต่อค่ะ”
ประเทศลาว ต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต “เริ่มจากประเทศเพื่อนบ้านเราก่อนเลยค่ะ สื่อสารกันได้ง่ายดี ตอนนั้นจุ๊ไปเวียงจันทน์ วังเวียงและหลวงพระบาง ไปแล้วติดใจชอบมากจนกลับไปอีก 4 รอบ ชอบทั้งวิถีชีวิตผู้คนและความเป็นเมืองที่ดูไม่มากไม่น้อยจนเกินไปใช้ชีวิตเนิบช้า ตอนอยู่นั่นจุ๊จะไม่ค่อยทำอะไรชอบนั่งดูผู้คน ด้วยความที่ภาษาเขากับเราใกล้เคียงกันมาก ทำให้เราสื่อสารกันได้คล่องเลยรู้สึกอบอุ่นทั้งบรรยากาศภูเขา สายน้ำ และอาหารอร่อยมาก คนก็นิสัยดียังคงทรงเสน่ห์ทุกครั้งที่ไปเยือน”
3 เดือนในสวิตเซอร์แลนด์ “ทริปประทับใจ เกิดขึ้นตอนไปทำงานที่เมือง Orbe ใกล้โลซานน์ซึ่งเป็นเมืองฝั่งตอนใต้ของสวิตเซอร์แลนด์ติดกับฝรั่งเศส ที่จดจำทริปนี้มากที่สุดเพราะเพื่อนร่วมงานน่ารักมาก จุ๊ไปทำงานที่นั่นเป็นเวลา 3 เดือน พอใกล้ๆ จะถึงวันที่ต้องกลับ เขาก็จะถามว่า อยากไปเที่ยวที่ไหนให้เราตักตวงช่วงเวลาที่ดีที่สุดในสวิตฯ แผนของวันนั้นเขาจะพาเราขึ้นเขาจุงฟราวยอร์ค หลังคายุโรปที่ระดับความสูง 3,345 เมตร ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสถานที่ยอดฮิตที่ใครไปสวิตเซอร์แลนด์ก็ย่อมอยากไปเยือน เราเองก็ดีใจ แต่วันที่ไปปรากฏว่ารถไฟหยุด เพราะสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย เพื่อนชาวสวิสเลยคิดแผนสองให้ คือพาเราไปภูเขาชื่อ First Moutain เป็นสถานที่ๆ ไม่อยู่ในลิสต์ของไกด์บุ๊กแต่เป็นที่ๆ ชาวสวิสชอบไปเดินเล่น ใช้เวลากับคนรักและครอบครัว แล้วพอไปถึงพบว่า มันเป็นยอดเขาที่สวยงามมาก และคนไม่เยอะเกินไป เวลาเดินเลยให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเราได้ครอบครองเขานั้นเลยค่ะ”
หญิงสาวเที่ยวคนเดียวต้องทำการบ้านมากกว่าปกติ “จุ๊เดินทางคนเดียวบ่อยมากค่ะ เพราะเวลาทำงานเรามักจะไปคนเดียวไม่มีใครอยู่เที่ยวด้วย ซึ่งสิ่งที่ดีคือ ได้ทำอะไรตามใจตัวเอง ได้ไปในที่ตัวเองชอบ ตัวจุ๊เองปกติชอบลุยอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยกลัวกับการเดินทางคนเดียว แต่สิ่งที่ต้องพึงระวังเสมอคือ สถานที่ท่องเที่ยวไม่ใช่บ้านของเรา ไม่ใช่ที่เราคุ้นเคยหากเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ทางหนีทีไล่ ดังนั้น เราต้องเพิ่มความระวังตัวให้มากขึ้น อันดับแรกต้องจองที่พักล่วงหน้า การวางตัวก็เป็นสิ่งสำคัญ อย่าทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวมากเกินไป เช่น กางแผนที่ใหญ่ๆ เวลาที่มีคนแปลกหน้ามาชวนคุยก็ทำให้พอดี คือไม่ปิดกั้นและเปิดจนเกินไป พยายามศึกษาด้วยว่า ส่วนไหนของเมืองที่เป็นอันตราย ก็หลีกเลี่ยงเสีย สนุกได้แต่ต้องปลอดภัยไว้ก่อนนะคะจุ๊ว่า”
บทพิสูจน์ของนักเดินทาง “ส่วนตัวแล้วจุ๊เป็นคนชอบอ่านหนังสือค่ะ เพราะอ่านหนังสือแล้วจะเกิดแรงบันดาลใจว่าอยากไปที่นั่นที่นี่ จุ๊คิดว่า วิธีที่จะเห็นผลที่สุดว่าสิ่งที่เราอ่านมาจริงอย่างที่เขาว่าไหม เราต้องออกไปเผชิญโลกด้วยตัวเอง พอไปแล้วจะได้ทราบว่า อ่อที่เขาว่ามาน่ะ มันจริงนะ หรือไม่เห็นจะจริงสักนิดเลย ซึ่งคำตอบทั้งหมดมันเกิดจากประสบการณ์จริง”
สำหรับสิ่งที่ทำให้คุณจุ๊ยังหลงใหลการเดินทางอยู่เสมอแม้จะไปมาแล้วกว่า 20 ประเทศทั่วโลกนั่นก็เพราะ “การเดินทางสอนอะไรเราหลายอย่าง เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้ตัวเอง เรียนรู้โลก ทำความรู้จักสถานที่ใหม่ๆ ประสบการณ์เหล่านั้นมันกลับมาสอนการทำงานของเราได้ พอเราเห็นความหลากหลายของคนชาติต่างๆ เวลาทำงานเจอคนที่มีบุคลิกผิดแผกแตกต่างกันไป ซึ่งอาจจะสบอารมณ์บ้าง หรือไม่ถูกใจบ้าง เราจะได้รู้สึกเข้าใจเขามากขึ้น ว่าคนบนโลกนี้มีความแตกต่างกัน จากแต่ก่อนที่เราเป็นคนไม่สู้ปัญหา ก็ทำให้มองอะไรง่ายขึ้น ค่อยๆ คิดหาทางออก มันก็จะได้คำตอบในที่สุด จุ๊ชอบพูดคุยกับผู้คน เพราะมันเป็นการเรียนรู้ไปในตัว ทั้งบางคำพูดยังมีข้อคิดดีๆ มาเป็นคำสอนในชีวิตของเราได้ด้วยค่ะ” จบท้ายการสนทนา สาวแบ็กแพ็กเกอร์ของเรายังกล่าวย้ำด้วยว่า “หวังว่าจุ๊จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับสาวๆ หลายคนออกเดินทางนะคะ”
เคล็ดลับการเดินทางของจุ๊คือ การใช้เวลาให้คุ้มค่ากับทุกที่ที่ไปค่ะ ไม่ได้หมายถึงไปเช็กอินให้ครบทุกที่ แต่คือการใช้เวลาทำความรู้จักกับสถานที่ ผู้คน วัฒนธรรมและอาหารการกินที่นั่น ซึ่งหมายถึงการทำการบ้านไปล่วงหน้าและการเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ในขณะเดินทาง ปล่อยใจให้ผ่อนคลายเพื่อจะได้มีพื้นที่ตักตวงความสุขเก็บไว้เยอะๆ ค่ะ สิ่งสำคัญอีกอย่าง คือ การทำตัวเป็นนักเดินทางที่ดี เคารพสถานที่ เคารพวัฒนธรรมและกฎของสถานที่นั้น ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ผูกมิตรและปรับตัวให้เข้ากับท้องถิ่นนั้นๆ ค่ะ ยิ้มสยามแบบไทยๆ นี่ทำให้จุ๊ปลอดภัยและได้รับความทรงจำดีๆ กลับมาหลายครั้งเลยค่ะ
ต้องการซื้อเล่มเดือนนี้ย้อนหลัง คลิกที่รูปปกนิตยสารได้เลย
0
0
0