Taipei : Love at First Sight

Story by Editorial Staff

คุณเคยตกหลุมรักแบบรักแรกพบบ้างไหม? มันจะมีอาการประมาณว่ามองไปทางไหนก็ถูกตาและถูกใจไปหมด ทำอะไรก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย บางคนก็เกิดอาการนี้กับผู้คน บางคนก็เกิดอาการกับสิ่งของ บางคนก็เกิดกับสถานที่ อย่างผมที่รู้สึกตกหลุมรักกับการเดินทางท่องเที่ยว บางสถานที่ไปแล้วไปอีก บางสถานที่ไปครั้งแรกก็รู้สึกรักตั้งแต่แรกพบอย่างเช่นที่ไทเป ไต้หวัน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่รู้สึกรักตั้งแต่พบ ด้วยอากาศที่แสนสบายสามารถหนีร้อนไปพึ่งเย็นได้ในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะขึ้นเครื่องไปไม่ไกลจากเมืองไทยมากนักเพียงแค่ 3-4 ชั่วโมง ที่สำคัญ ฟรีวีซ่า อยากไปเก็บกระเป๋าก็สามารถไปได้เลย

สำหรับคนที่เดินทางไปไทเป ไต้หวันครั้งแรก ผมก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากแนะนำ ขอบอกว่า ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปให้หมดในครั้งเดียวก็ได้ เพราะไต้หวันไปแล้วไปอีกได้ ส่วนจะมีที่ไหนบ้างไปดูกัน

อนุสรณ์สถานเจียง ไคเชก (Chiang Kai-Shek Memorial Hall)

taipei1

เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผมปักหมุดไว้ว่าถ้ามาถึงต้องมาให้ได้ ก่อนอื่นหลายคนคงสงสัยว่าเจียง ไคเชก คือใคร ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องเรียกนายพลเจียงไคเชก เขาเป็นอดีตประธานาธิบดีคนแรกของชาวไต้หวัน บางตำราก็ว่าเขาเป็นเหมือนบิดาผู้ก่อตั้งไต้หวัน เขาเป็นคนที่นำพาผู้คน 2 ล้านกว่าคน พร้อมกับของมีค่าจำนวนหกแสนกว่าชิ้นที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่ไปดูมาเมื่อวานขึ้นเรือมายังเกาะไต้หวันแห่งนี้ พอปี ค.ศ. 1975 นายพลเจียง ไคเชกได้จากไปผู้คนจะได้ก่อสร้างอนุสรณ์สถานแห่งนี้ขึ้นเพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่ผู้นำของพวกเขา

taipei4

การมาก็ง่าย นั่งรถไฟฟ้า ( MRT) ไปลงสถานี Chiang Kai-Shek Memorial Hall แล้วออกทางออก 5 พ้นออกมาจะเห็นประตูขนาดใหญ่สูงกว่า 30 เมตร กว้าง75 เมตรตั้งตระหง่านอยู่เรียกว่า Liberty Square Gate สร้างเลียนแบบสถาปัยกรรมของยุคจิ๋น สำหรับอนุสรณ์สถานแห่งนี้จะมี 3 อาคารใหญ่ๆ นั้นก็คือ Concert Hall, National Theater และอาคารของท่าน เจียงไคเช็ค

taipei2

ส่วนลานกว้างๆ ด้านหน้านั้นก็คือ Liberty Square เป็นลานที่กว้างมาก อยากเติมก ไก่เยอะๆ พร้อมอ้าปากกว้างสุด เดินจนเมื่อยกว่าจะถึงตัวอาคารที่เป็นอนุสรณ์สถาน แล้วต้องเดินขึ้นบันไดคู่ไปอีกจำนวน 89 ขั้น เท่ากับอายุของท่านเจียง ไคเชก ทำเอาหอบเลย ภายในอาคารมีห้องจัดแสดงนิทรรศการความเป็นมาของประเทศไต้หวันโดยการนำของท่านเจียง ไคเชก ตั้งแต่สมัยพาคนจีนแผ่นดินใหญ่มาเลย ผมนี่ได้แต่ทึ่งจริงๆ และถ้าทุกคนสังเกตดีๆ การสร้างอาคารของคนจีน จะมีการแฝงตัวเลขต่างๆ ที่มีความหมายไว้ เช่นบันไดที่มีขั้นเท่ากับอายุท่าน, โครงสร้างหลังคาของอาคารนี้ก็เป็นทรงแปดเหลี่ยมซึ่งสร้างตามเลข 8 ซึ่งเป็นเลขมงคลของชาวจีน หรือประตูทางเข้ามีหมุดทอง 9 ตัว ระดับเดียวกับฮ่องเต้จีน เป็นต้น ส่วนอีกสองข้างเห็นเป็นอาคารสถาปัตกรรมจีนหลังคาสีอิฐก็คืออาคาร National Theater และ National Concert Hall นั่นเอง ผมทั้งเดิน ทั้งนั่งพักไปบ้าง แต่ก็ไม่สามารถดูได้ทุกส่วนของอนุสรณ์สถานที่กว้างกว่า 250,000 ตารางกิโลเมตร แห่งนี้ได้

taipei3

พิพิธภัณฑ์ กู้กง (GuGong National Palace Museum)

ตามปกติเวลาผมเดินทางไปเมืองไหน สถานที่หนึ่งที่มักจะเลือกแวะไปชมเสมอคือ พิพิธภัณฑ์ เพราะสถานที่นี้จะเป็นเหมือนการแนะนำให้เราได้รู้พื้นฐาน และความเป็นมาของเมืองนั้น สำหรับที่ไต้หวัน ต้องที่พิพิธภัณฑ์กู้กง ความน่าสนใจของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อยู่ที่เป็นแหล่งรวมศิลปะที่มากมายกว่า 600,000 ชิ้นทุกราชวงศ์ของจีน จัดเปลี่ยนหมุนเวียนออกมาออกแสดงให้ชมกันเรื่อยๆ ทุก 3 เดือน แต่ชิ้นเด่นที่มีอยู่ประจำ คงหนีไม่พ้น หยกรูปตั๊กแตนบนผักกาด ซึ่งเป็นงานแกะสลักหยกหายากสีขาวเขียว แกะสลักเป็นรูปผักกาดขาวสัญลักษณ์ของการมีกินมีใช้ หากสังเกตดีๆจะเห็นตัวตั๊กแตนที่แทนความหมายว่ามีลูกหลานมีหลานเต็มเมืองเกาะอยู่ อีกหนึ่งชิ้นคือ หินเนื้อหมู เป็นหินทึบแสงที่ไล่เป็นชิ้น พอแกะสลักแล้วเหมือนเนื้อหมูเลย นอกจากนี้ยังมีวัตถุโบราณล้ำค่าอื่นอีกหลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็นงาช้างแกะสลัก 17 ชั้นและตราลัญจกรของจักรพรรดิเฉียนหลงที่ยิ่งใหญ่, เครื่องเขียนและภาพเขียน, เครื่องเซรามิก, งานปักงานทอมือ ฯลฯ ถ้าจะเดินดูกันจริงๆ จังๆ สองวันก็ไม่หมดผมว่า แค่ชิ้นหลักๆ ก็หมดไปหลายชั่วโมง พิพิธภัณฑ์เปิดตั้งแต่แปดโมงครึ่งจนถึงหกโมงครึ่งตอนเย็น แต่ผมแนะนำว่ามาช่วงเช้าๆ จะดีกว่า เพราะยิ่งสาย คนยิ่งเยอะ ทัวร์ยิ่งแยะ เสียงดังมาก

วัดหลงซาน (Longshan Temple)

taipei5

เป็นวัดที่หากมาไทเปแล้วต้องแวะมา เหมือนมากรุงเทพฯ ต้องไปวัดพระแก้วอย่างนั้นเลย เรามักจะคุ้นหูกันดีกับชื่อวัดเขามังกร วัดนี้สร้างตั้งแต่ปี 1738 (ปี 2016 ก็ 278 ปี) ในสมัยราชวงศ์ชิง ยุคเฉียนหลงฮ่องเต้ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ฮ่องเต้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นองค์ฮ่องเต้มหาราชในประวัติศาสตร์จีน

taipei6

ความสวยงามของวัดนี้อยู่ที่ปูนปั้น ภาพแกะลัก หรือสัญลักษณ์ต่างๆ ของมังกรที่ประดับประดาอยู่ทั่วบริเวณวัด วัดเคยได้รับความเสียหายอย่างหนักเมื่อคราวสงครามโลก และได้รับผลกระทบจากการทิ้งระเบิดพลาดเป้า แม้ตัววัดจจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่ตัวองค์รูปสลักเจ้าแม่กวนอิมยังคงสภาพสมบูรณ์เสียหายเพียงแค่ปลายเท้าเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ที่นี่จึงได้รับความเลื่อมใส ศรัทธาจากชาวไต้หวันหลั่งไหลมากราบไหว้และสวดมนต์ขอพรต่อหน้าพระองค์ท่านอย่างไม่ขาดสาย แม้จะเป็นวันธรรมดาแต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เดินทางมาที่นี่ ขณะที่ผมเดินเข้าประตู รู้สึกได้เลยถึงแรงศรัทธา เพราะหลายคนที่กำลังสวดมนต์ หรือนั่งสมาธิอยู่ก็จะมุ่งมั่นจดจ่อในสิ่งที่ตนเองกำลังปฎิบัติ สามารถตัดสิ่งรบกวนรอบข้างไปได้อย่างน่าเหลือเชือ นอกจากมีชื่อเสียงมังกรแกะสลักที่พันรอบเสาที่มีชื่อเสียงแล้ว

taipei7

ยังมีรูปปั้นของเทพเจ้ากว่า 100 องค์ เช่น “เทพขงจื้อ” เป็นเทพเจ้าด้านการศึกษา, “องค์เจ้าแม่ทับทิม” เทพที่คุ้มครองเรื่องการเดินทางให้แคล้วคลาดปลอดภัย หากใครเคยไปฮ่องกงมาก่อนคงคุ้นเคยกับองค์เจ้าแม่ทับทิมที่หาดรีพัลส์ (Repulse Bay) ไหว้พระเสร็จด้านนอกจะมีวัตถุมงคลต่างๆให้ได้เลือกบูชากัน

วัดเทียนหยวนตันสุ่ย (Wuji Tianyuan Temple)

taipei9

สถานที่นี้เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบทั้งสถานปัตยกรรม วัด และดอกไม้ เพราะวัดเทียนหยวน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากไทเปมากนัก นั่งรถไฟฟ้า (MRT) ไปลงสถานี Tarnsui  แล้วออกทางออก 2 แล้วต่อรถเมล์ สาย 875,876,877 เลือกได้เลย ใช้เวลา 30 นาทีก็ถึงวัดเทียนหยวน

taipei8

ซึ่งหากเป็นหน้าซากุระ ที่นี่เป็นจุดดูซากุระยอดฮิตที่สวยงามแห่งหนึ่งของไต้หวัน ที่นี่จะมีดอกซากุระบานสะพรั่งตั้งแต่ทางเข้าวัด และรอบๆ บริเวณวัดก็มีกระจายอยู่หลายต้น ภาพซากุระบานคู่กับเจดีย์สูง 5 ชั้นเป็นภาพสวยงามที่เหล่าช่างภาพและนักท่องเที่ยวถ่ายกันให้มือเป็นระวิง แนะนำว่าช่วงกุมภาพันธ์และเมษายนของทุกปี อย่าได้พลาด

ตึก ไทเป101 (Taipei101)

taipei11

ตึกที่เคยได้รับตำแหน่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 2004 ซึ่งเป็นปีที่เปิดให้บริการจนถึงปี 2010 ก็ต้องเสียตำแหน่งให้กับตึก เบิร์จคาลิฟาที่ดูไบไป ความพิเศษของตึกนอกจากจะสูงเสียดฟ้าแล้ว การออกแบบก็สุดล้ำ ตามสไตล์ของคนเชื้อสายจีน ตัวตึกนั้นถูกออกแบบให้เป็นปล้องคล้ายไม้ไผ่ ในทุก 8 ชั้น (เลข 8 ถือเป็นเลขนำโชคของคนจีน) ก็จะมีส่วนที่ยื่นออกมาคล้ายปล้องไม้ไผ่ ในทางฮวงจุ้ยคือ จะมีความร่ำรวยรุ่งเรือง ส่วนตัวผมมองแล้วคล้ายกับเอาเงินของจีนมาวางซ้อนๆกัน ก็ดูรวยจริงๆ นะ ด้านในแบ่งเป็น 2 ส่วนทั้งส่วนของสำนักงาน และส่วนของที่ห้างสรรพสินค้า ที่เป็นศูนย์รวมของร้านค้าแบรนด์ดังจากทั่วโลกให้สายช้อปจับจ่ายกันอย่างจุใจ

taipei12

ส่วนผมขอตรงรี่ขึ้นลิฟต์ทยานขึ้นสู่ชั้น 88 ที่เปิดให้บริการจุดชมวิว Taipei 101 Observatory ให้กับเหล่านักท่องเที่ยว ที่อยากชมวิวเมืองไทเปแบบเบิร์ดอาย (Bird eye) เชิญตามผมมาเลย อีกชั้นที่อยากแนะนำคือชั้น 91 ที่เราสามารถออกมาชมทิวทัศน์ภายนอกอาคารได้ แต่ขอบอกว่า ลมมันแรงใช้ได้เหมือนกัน

เขาช้าง หรือเซี่ยงซัน (Xiangshan Elephant Moutain)  

taipei15

เขาเซี่ยงซาน เป็นภูเขาลูกเล็กๆ ที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแถบชานเมืองไทเป ที่ถือว่าที่มีความสมบูรณ์ของธรรมชาติ แต่ก็มีการสร้างทางเดินสำหรับปีนเขาช้างนี้อยู่หลายเส้นทาง ที่นี่เป็นจุดชมวิวเมืองไทเปยอดนิยมอีกจุดหนึ่ง โดยเฉพาะที่จุดสูงสุดของภูเขาที่ทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาถ่ายรูปเมืองไทเปและตึกไทเป 101 กันมากมาย โดยตอนที่เราเดินขึ้นไปนั้นก็จะมีจุดพักให้อยู่หลายจุดนะครับ เพราะก็ถือว่าเหนื่อยเอาการเหมือนกัน แต่ก็คงไม่เหนื่อยเกินไป เพราะจุดหมายปลายทางที่รออยู่นั้น คือการได้มองเห็นเมืองไทเปสวยๆ จากมุมสูง และตึกไทเป 101 ที่ถือว่าใครมาไต้หวันก็ต้องมาที่นี่ ที่ด้านบนสุดจะมีลานสำหรับฟิตเนสเล็กๆ สำหรับคนท้องถิ่นที่มาออกกำลังกายกันที่นี่เป็นประจำและลานชมวิว ที่มีก้อนหินขนาดยักษ์ 6 ก้อนที่เป็นจุดถ่ายรูปมุมมหาชนอยู่บริเวณนี้

taipei

นอกจากนี้ บริเวณเข้าช้างยังมีเส้นทางปีนเขา (Hiking)ไปที่ภูเขาอีก 3 ลูกที่อยู่ติดกัน ซึ่งมีชื่อเรียกรวมกันว่า เทือกเขา 4 อสูร (4 beasts) ประกอบด้วย ภูเขาช้าง (Elephant Moutain), ภูเขาเสือ (Tiger Mountain), ภูเขาสิงโต (Lion Mountain) และ ภูเขาเสือดาว (Leopard Mountain) ซึ่งถ้าใครที่ชอบปีนเขา มาที่นี่คุ้มแน่นอน โดยรวมก็น่าจะใช้เวลาทั้งหมดในการปีนเขาทั้ง 4 ลูกนี้ประมาณ 2-4 ชั่วโมง

ไม่มีความสุขไหน สุขเท่ากับการได้ตกอยู่ในวงล้อมของของกินนานับร้อยชนิดแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารแบบ street food ที่ซื่อหลินไนท์มาร์เก็ต (Shilin Night Market) มีเยอะมากจนเป็นเหมือนสวรรค์ย่อมๆ ของนักกินอย่างผม ที่นี่เป็นตลาดกลางคืนที่ไม่เฉพาะแต่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกแต่คนไต้หวันเองก็นิยมเช่นกัน มีตั้งแต่เครื่องแต่งกาย, เครื่องประดับ, รองเท้ากีฬาลดเยอะเหมือนกัน, สินค้าเครื่องสำอางค์บางตัวราคาเท่ากับที่ญี่ปุ่นกับเกาหลีเลย สำหรับผมสินค้าพวกนี้ไม่ค่อยอยู่ในสายตาผมเท่าไหร่ ผมมุ่งหาของกินก่อนเลย เริ่มจากเครื่องดื่มยอดนิยมอย่างชาไข่มุก ของหนักท้องอย่างของทอดต่างๆ เช่นไก่ทอดไซด์ใหญ่ ราคาถูกกว่าบ้านเรา, ของย่างเช่น เต้าหู้เหม็น, ไส้กรอก, ปลาหมึกย่าง หรือผลไม้อย่างสตรอว์เบอร์รีที่เอาจุ่มน้ำเชื่อมหรือช้อกโกแลต หรือพวกผลไม้ดอง อบแห้ง ตากแห้ง คลุกน้ำตาล แช่อิ่ม มากันครบครัน ทั้งของกิน ของใช้, ของที่ระลึกครบครันแบบนี้ คนจึงนิยม อีกทั้งการเดินทางก็สะดวก ห่างจากสถานีรถฟ้าแค่ 70 เมตร นั่งรถไฟฟ้า (MRT) สายสีแดงมาลงสถานี Jiantan Station ไม่ใช่สถานี Shilin แบบชื่อตลาดนะดูดีๆ โดยร้านค้าจะเริ่มคึกคักตั้งแต่ตะวันลาลับขอบฟ้า สัก 6 โมงเย็น  ยิงยาวไปจนถึงเที่ยงคืน แต่ช่วงทุ่มสองทุ่มนี้คึกคักสุดๆเลย  นอกจากที่ซื่อหลินแล้ว ตลาดที่มีของกินเยอะแบบนี้ก็มีอีกหลายที่ ยกตัวอย่างเช่น  ที่ซีเหมินติง (Ximending) แต่ที่นี่จะเน้นไปสินค้าวัยรุ่นมากว่าคล้ายสยามสแควร์บ้านเรา มีร้านที่น่าสนใจ อย่างร้าน Ay Chung ขายซุปบะหมี่รสเผ็ด คนนิยมมากต่อคิวกันยาวเหยียด

ซีเหมินติง (Ximending)

แหล่งช้อปปิ้งที่มองไปก็ดูคล้ายกับชินจูกุ หรือชิบูย่า ในญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว ที่นี่ถือได้ว่าเป็นจุดรวมพลของคนไต้หวันและนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะมีร้านค้าต่างๆมากมายแล้วยังเป็นอีกหนึ่งแหล่งของกิน ร้านอาหารมากมาย เรียงรายมาให้คุณได้ลิ้มลอง อย่าง ชาบูไต้หวันที่เข้มข้น เครื่องดื่ม ขนมทั้งไอศกรีม เค้ก พุดดิ้ง และผลไม้ จบวันด้วยความสุข สมกับคำว่ากินอิ่ม นอนหลับอย่างแท้จริง

สำหรับใครที่อยากรับประทานร้านอาหารที่มีประวัติยาวนานแล้วล่ะก็ไปตามอ่านต่อได้ที่  http://www.vacationistmag.com/best-of-taste-taiwan-1/

แค่คุณได้ไป 8 สถานที่นี้ในครั้งแรกที่ไปไทเป ไต้หวัน ผมก็เชื่อว่าคุณต้องตกหลุมรักไต้หวันและกลับไปอีกอย่างแน่นอน

รู้จักไต้หวัน
– คนไต้หวัน ไม่ใช่คนจีน พวกเขาพูดภาษาไต้หวัน (Taiwanese) ไม่ใช่ภาษาจีนกลาง (Mandarin) ของจีนแผ่นดินใหญ่
– เวลาในประเทศไต้หวัน เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง
– ใช้สกุลเงิน เหรียญไต้หวัน (New Taiwan Dollar : NTD) 1 เหรียญไต้หวัน = 1.09 บาทโดยประมาณ
– ฤดูกาลของไต้หวัน กุมภาพันธ์ – เมษายน (ฤดูใบไม้ผลิ) อากาศเย็นสบาย อุณหภูมิประมาณ 12 – 20 องศา, พฤษภาคม – สิงหาคม (ฤดูร้อน) อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 38 องศา มีฝนตกบ้าง, ธันวาคม – มกราคม (ฤดูหนาว) อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 10 องศา, กันยายน – พฤศจิกายน (ฤดูใบไม้ร่วง) เดือนกันยายนฝนจะตกบ่อยสุด

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0