Nature Zone โซนธรรมชาติ ฟุราโนะ-บิเอะ-อาซาฮิคาว่า

Story & Photo by Orawan

ฟูราโน่ ตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคฮอกไกโด ชื่อเมืองนั้น มาจากภาษาไอนุ ภาษาของคนพื้นเมืองของฮอกไกโดที่ว่า “ฟุระ-นุอิ” ซึ่งมีความหมายว่า “เปลวไฟที่เหม็น” หรือ “แหล่งที่เหม็น” สันนิษฐานว่า อาจเพราะเดิมในหุบเขานี้ มีกลิ่นเหม็นจากกำมะถันจากยอดภูเขาไฟโทะกะชิ นั่นเอง

furano1

ฟูราโน่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะหน้าฤดูหนาว (กลางเดือนธันวาคม – มีนาคม) ที่ลานสกีฟูราโน่ (Furano Ski Area) สกีรีสอร์ทที่เคยใช้แข่งขันสกีระดับโลกมาแล้ว เป็นปลายทางที่ผู้ชื่นชอบสกีต้องเดินทางมา พื้นที่เล่นสกีที่ประกอบด้วยยอดเขา 2 ยอดเชื่อมต่อกัน มีทั้งทางลาดต่ำสำหรับผู้เริ่มต้น และทางที่สูงชันมากขึ้นตามลำดับพร้อมทั้งกิจกรรมในหน้าหนาวหลากหลายชนิด และพอถึงช่วงหน้าร้อน (ประมาณมิถุนายน – กันยายน) เช่นนี้ หลังจากหิมะละลายผ่านฤดูใบไม้ผลิ ความอบอุ่นก้าวเข้ามาแทนที่ความเหน็บหนาว ฤดูร้อนก้าวย่างเข้ามาพร้อมสวนดอกไม้สีสันสดใส และท้องทุ่งสีเขียวขจี ก็คละกายปกคลุมทั่วทุกพื้นที่แทนที่หิมะสีขาว

furano2

สำหรับที่ท่องเที่ยวฟูราโน่ ที่มีชื่อเสียงที่สุดคงหนีไม่พ้น ฟาร์มโทมิตะ (Tomita Farm) ที่นี่สมกับที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม จนฉันต้องร้องว้าว ! เลยทีเดียว พื้นที่ในฟาร์มถูกแบ่งเป็นส่วนๆ แต่ละส่วนก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นพระเอกของฟาร์มมอย่างทุ่งอิโรโดริ (Irodori Field) หรือทุ่งดอกไม้ 7 สีที่มีทั้งสีม่วง, สีขาว, สีแดง, สีส้ม, สีชมพู ฯลฯ ปลูกสลับแถวเรียงรายสวยงามราวกับสายรุ้งบนพื้นดิน สีสันของมันตัดกับสีฟ้าจัดของฟ้าได้เป็นอย่างดี

furano5

สำหรับคนที่หลงใหลในลาเวนเดอร์แนะนำให้เดินไปทางทุ่งซาคิวาอิ (Sakiwai Field) ที่อยู่ใจกลางฟาร์มน่าจะตรงใจที่สุด เพราะส่วนนี้จะมีการปลูกต้นดอกลาเวนเดอร์เต็มทั้งพื้นที่ หลากหลายสายพันธุ์ส่งกลิ่นหอมตลบ ให้ความสุขสมชื่อ sakiwai เลย และอีกจุดที่เป็นสีม่วงและเป็นจุดเริ่มต้นของฟาร์มโทมิตะแห่งนี้คือ Traditional Lavender Garden เนินสูงที่มองออกไปเห็นสีม่วงของลาเวนเดอร์เต็มพื้นที่อีกเช่นกัน จุดนี้เองที่เป็นจุดที่ช่างภาพจากการรถไฟญี่ปุ่น (Japan Railway) ได้มาถ่ายและเลือกเป็นหนึ่งในภาพปฏิทินประจำปีของการรถไฟ (ภาพเดือนมิถุนายน) ส่งผลให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันมาทีนี่เพื่อมาสัมผัสความงดงามของท้องทุ่งสีม่วงในช่วงหน้าร้อนเช่นนี้

furano6

นอกจากน้ำหอมจากลาเวนเดอร์ที่มีโรงงานสกัดน้ำมันที่ส่วน Distillery Workshop แล้ว ที่นี่ยังมีส่วนที่เป็นบ้านจัดแสดงดอกไม้แห้งที่ใหญ่อีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ในส่วนของ Dried Flower House นอกจากนี้ที่ขาดไม่ได้คือ ผลิตภัณฑ์จากลาเวนเดอร์อีกมากมาย ทั้งสบู่, ดอกไม้แห้ง, ของที่ระลึกต่างๆ รวมไปถึงเมนูของหวานและเครื่องดื่ม ที่เรียกเงินออกจากกระเป๋าของทุกคนได้แน่นอน และถือเป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้คงเป็นไอศครีมลาเวนเดอร์ รสหอมหวานที่ช่วยดับร้อนได้เป็นอย่างดี กับเมล่อนยูบาริ (Yubari Melon) สุดยอดเมลอน ของญี่ปุ่น ที่นี่มีหั่นขายเป็นชิ้น ราคาประมาณชิ้นละ 250 เยน รสชาติ และความหอมหวานติดใจจนหลายคนต้องซื้อกลับ

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0