ห่มสายหมอก บอกรักป่าที่ทองผาภูมิ

Story by Pannita , Photo by Orawan

ยามเมื่อหน้าฝนมาเยือนจุดหมายปลายทางในการเดินทางไหน ไม่ดีเท่ากับการได้เข้าป่า และภูเขา ป่าไม้ที่ใกล้พอที่เราจะเดินทางไปได้อย่างง่ายๆในวันหยุดสัปดาห์เช่นนี้คงหนีไม่พ้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

ฉันเดินทางไปตามถนนสายลาดหญ้า – ศรีสวัสดิ์ – ไทรโยคน้อย – ทองผาภูมิ (ทางหลวง 3199, 3457 และ 323) ซึ่งถนนช่วงนี้ร่มรื่นยิ่งนัก รถน้อย สองข้างทางเรียงรายไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ฉันเปิดกระจกรับอากาศบริสุทธิ์บรรยากาศภายนอกเย็นสบาย ขับเพลินๆ ไม่นานนักเราก็ถึง ที่พักคืนแรกของเราในทริปนี้ ปฎิเสธไม่ได้ว่าที่รีสอร์ทแถบนี้น่าจะเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาถึง ยิ่งช่วงบ่ายแก่ๆ เช่นเรา

ThongPhaPhum1

ห้องพักที่นี่มีทิวทัศน์ที่สวยงามมาก ทั้งลำธารที่ไหลผ่านด้านหน้าหลังลำธารไปนั่นคือภูเขา มีหมอกบางๆ ลอยอยู่ไม่ไกล มีไม้ใหญ่รอบตัว ดูสงบจนเหมือนหลุดออกมาอีกโลก ฉันรู้สึกถึงความผ่อนคลายเป็นที่สุด คืนนี้โรคนอนไม่หลับถูกกลืนด้วยความสบายของเตียงนุ่มๆ และบรรยากาศเย็นๆ ฉันพร้อมแล้วกับการผจญภัยในวันรุ่งขึ้น เช้าวันใหม่ ภายหลังทานมื้อเช้าที่รีสอร์ทเตรียมให้เสร็จ ฉันคว้าจักรยานที่รีสอร์ท ให้เช่าออกปั่นไปลิ้มลองของอร่อยยังตลาดทองผาภูมิ เพื่อไปหาปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้รับอรุณ แม้รู้ว่าการขับรถจากรีสอร์ทไปยังตลาดทองผาภูมิ จะใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาที แต่ฉันก็ยังจะเลือกเดินทางด้วยวิธีนี้เพียงเพื่ออยากรับอีกอรรถรสที่แตกต่าง บรรยากาศภายในตลาดยามเช้าเวลานี้ดูคึกคักและเรียบง่ายในคราวเดียวกัน มีส่วนของตลาดสด ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายของชำมากมาย ที่นี่เป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอยของชาวบ้าน และเป็นที่ซื้อของสำหรับนักเดินทางก่อนที่จะเข้าสู่ผืนป่าทองผาภูมิ

ThongPhaPhum4 ThongPhaPhum2

สองข้างทางของฉันตอนนี้ไม่ใช่ป่าคอนกรีต ไม่มีไฟเขียว ไฟแดง ไม่มีคนมายืนขายพวงมาลัย (และให้ฉันได้เครียดไปกับหมู่รถมอเตอร์ไซด์ในเมืองกรุง) มีแต่แนวเขาสูงตระหง่าน กับหุบเหวลึกแทน การขับรถเต็มไปด้วยความสนุกสนานกับหนทางที่คดเคี้ยวไต่ไปตามไหล่เขา หลังลดกระจกลง ฉันสูดรับกลิ่นธรรมชาติ และโอโซนอันบริสุทธิ์ ลมเย็นที่พัดมาปะทะกับใบหน้า สร้างความสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกเหล่านี้ทำให้เส้นทางสู่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิไม่ไกลอย่างที่คิด  เราขับรถผ่านหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิไปตามเส้นทางเหมืองเก่าเพื่อไปท่องเที่ยวที่ หมู่บ้าน 399 โค้ง หรือ หมู่บ้านอีต่องก่อน หมู่บ้านเล็กๆ นี้ ฝั่งหนึ่งคือความสงบเงียบของตำนานเหมืองปิล๊อกที่เคยรุ่งเรือง อีกฝั่งคือตลาดอีต่องที่มีสีสันและมีชีวิตชีวา ไม่ห่างจากตลาดมากนัก คือจุดถ่ายภาพสำคัญที่บ่งบอกว่าคุณมาถึงตำบลปิล๊อกแล้ว นั่นคือเนินเสาธง จุดประสานสัมพันธไมตรี นิจนิรันดร์ไทย – เมียนมาร์ ที่มีธงชาติไทย และพม่าโบกสะบัดอยู่เคียงคู่กัน และช่องมิตรภาพ สุดเขตแดนไทย-พม่า ที่สามารถสัมผัสลมเย็นสบายที่พัดแทรกมาจากช่องเขา บริเวณหน้าด่านฝั่งไทยได้

ThongPhaPhum5

ขากลับก่อนเข้าพักที่อุทยาน พวกเราแวะกันที่เนินช้างศึก ด้วยทางค่อนข้างชัน และผิวถนนที่ขรุขระ ทำให้พาหนะที่เคยเดินทางแต่เมืองกรุงอย่างเดียวต้องยอมแพ้ พวกเราลังเลใจว่าเดินหน้าต่อหรือว่าจะกลับ จนได้ยินเสียงรถกระบะโฟร์วีลของครอบครัวหนึ่งดังมาแต่ไกล พอเห็นภาพรถผ่านมาเท่านั้น ทั้งมือทั้งแขนก็ขยับโบกไหวๆ ขอไปด้วยโดยอัตโนมัติ บนเนินช้างศึก ตอนนี้ ทุกคนกำลังชื่นชมท้องฟ้า และทะเลภูเขาในมุมมอง 360 องศา พวกเราเผยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ไม่ใช่เพราะเพียงท้องฟ้าเปิดแล้วได้เห็นภาพทะเลอันดามันฝั่งพม่าเท่านั้น แต่ยิ้มให้กับน้ำใจของครอบครัวผู้ใจดีที่จอดรับเรา ไม่ว่าอย่างไร ที่ไหน เมื่อไหร่ เราก็ยังสัมผัสกับความมีน้ำใจของคนไทยได้เสมอ

ThongPhaPhum6 ThongPhaPhum7

สายหมอกหนาเป็นผืนแผ่นลอยระตามไหล่เขาสลับซับซ้อน ราวกับผ้าห่มผืนโตคลุมโปงยอดดอยให้อบอุ่น ป่าหน้าฝนไม่หนาวจัด แค่สวมเสื้อหนาวหนึ่งตัวก็เพียงพอแล้ว  ฉันเฝ้ารอแสงแรกยามเช้าที่เนินกูดดอย ซึ่งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น และอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักบนต้นไม้ใหญ่ หรือบ้านทาร์ซานของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ที่เราพักมากนักจากมุมนี้เราจะเห็นทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณ์ห้อมล้อมไปด้วยทิวเขา เยื้องไปจากซ้ายมือคือเขาช้างเผือก ภูเขาซึ่งสูงทีสุด ในอุทยานฯ เมือ่ ทอ้ งฟำ เริ่มคลายความมืด ความสว่างของวันใหม่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามา ท้องฟ้าปรับเฉดสีจากขาวเป็นส้ม แสงอาทิตย์ค่อยๆ โผล่พ้นกลุ่มเมฆออกมา สวยเหลือเกิน ฉันสารภาพรักออกมาโดยไม่รู้ตัว และก็ปล่อยตัวเองให้ตกหลุมรักหลุมใหญ่อย่างไม่รู้เวลา จวบจนท้องฟ้าสว่างทั้งผืน ความสุขเหล่านั้นก็ยังตามติดฉันมาตลอดยามเดินไปตามทางปูนใกล้ๆ กัน ผ่านต้นไม้สูงใหญ่หลากหลายพันธุ์ ข้อดีของการเดินป่าหน้าฝนคือ มองไปทางไหนก็จะเจอแต่ความเขียวชะอุ่มของต้นไม้ ใบไม้ หรือแม้แต่พืชที่อยู่บนพื้นดิน พื้นพรมสีเขียวของมอสปูเต็มตลอด สองข้างทางเดินสู่จุดชมวิวเนินช้างเผือก ครั้งแรกที่ได้เห็น ฉันถึงกับอุทานออกมา “ที่นี่ใช่ไหม?” ภาพที่สวยงามนี้ที่ทำให้อยากเดินทางมาเห็นด้วยตาตัวเอง คิดไปคิดมาก็ต้องยอมรับ นี่สินะ แรงบันดาลใจของฉัน เขาช้างเผือก หรือที่หลายๆ คนมโนภาพกันว่าเป็นเขาพระศิวะของพราน รพินทร์ ไพรวัลย์

ThongPhaPhum14 ThongPhaPhum13

ภายหลังซึมซับบรรยากาศที่จุดชมวิวสำคัญทั้งสองแห่งแล้ว ฉันย้ายที่พักจากบ้านทาร์ซานมาเป็นบ้านริมผาและปล่อยเวลาช่วงเช้าทั้งหมดไปกับการนั่งมองผืนป่าและเขาช้างเผือกอย่างเพลิดเพลิน สำหรับนักเดินไพรรุ่นฝึกหัดเช่นเรา ช่วงบ่ายวันนั้น ด้วยระยะทาง 2.8 กิโลเมตรจากปากทางเข้าสู่น้ำตกจ๊อกกะดิ่น เรียกเหงื่อเราได้ไม่น้อย ระหว่างทางมีเสียงร้องกรี๊ดสลับการหัวเราะขึ้นเป็นระยะๆ เหตุเพราะเจอตัวทากดูดเลือด แม้จะตกใจแต่ก็สนุกว่ากันว่ามีทากแสดงว่าป่าสมบูรณ์ ป่าสมบูรณ์แสดงว่าน้ำเยอะ ถ้าน้ำเยอะน้ำตกก็จะสวย เสียงน้ำตกกระทบจากที่สูงดังลั่นป่า พอๆ กับใจที่เต้นตึกตัก นึกลุ้นทุกขณะที่เดินเข้าไปหาต้นเสียง และแล้วฉันก็พบความงามของ สายน้ำไหลผ่านหน้าผาตกสู่แอ่งน้ำสีมรกตจนแตกกระเซ็นเป็นละอองน้ำฟุ้งมาสัมผัสผิวกาย ได้กลิ่นความสดชื่นรายล้อมอยู่รอบตัว ใครกันนะที่ว่าน้ำตกหน้าฝนสวย นี่มันไม่ใช่แค่สวยธรรมดา แต่มันสวยมากๆ เลยล่ะ ในค่ำคืนนั้น เสียงของลมพัด ใบไม้ไหว ประสานกับเสียงจักจั่นตัวน้อยขับกล่อมให้ยามรัตติกาลผ่านพ้นไปอย่างรื่นรมย์ ฉันหลับใหลไปพร้อมกับภาพพระอาทิตย์ยามเช้า เนินเขาช้างเผือก และสายน้ำตกสวย

ThongPhaPhum12

++++++++++++++
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อยู่ห่างจากอำเภอทองผาภูมิไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 60 กิโลเมตรตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าห้วยเขย่ง และป่าเขาช้างเผือก มีเนื้อที่ราว 700,000 ไร่

เหมืองปิล๊อกก่อตั้งขึ้นในปี 2483 โดยองค์การเหมืองแร่ กรมโลหะกิจ ถือเป็นเหมืองแห่งแรกที่บ้านอีต่อง ต.ปิล๊อก จากการเปิดเหมืองในครั้งนั้นได้เกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจกับกรรมกรพม่า เพราะฝ่ายไทยห้ามกรรมกรพม่านำแร่ไปขายให้อังกฤษ แต่กรรมกรพม่าฝ่าฝืน จึงเกิดการปะทะกันทำให้มีผู้บาดเจ็บและล้มตายจำนวนมาก ในอดีตชาวบ้านเรียกว่า “เหมืองผีหลอก” ต่อมาเพี้ยนเป็น “ปิล๊อก” ซึ่งกลายเป็นชื่อเหมืองแร่และตำบลในเวลาต่อมา สำหรับเหมืองปิล๊อกนั้น อดีตเคยเป็นเหมืองแร่ดีบุก และแร่วุลแฟรมที่รุ่งเรืองมากจนกลายเป็นแหล่งการค้า และการขายแรงงานขนาดย่อม และเมื่อประสบภาวะราคาแร่โลกตกต่ำในปี พ.ศ. 2528 เหมืองแห่งนี้ปิดตัวลงในปี 2529

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0