Golden Gate Bridge สะพานโกลเดนเกต

Story by Vacationist

“I Left My Heart In San Francisco”

The loveliness of Paris seems somehow sadly gay

The glory that was Rome is of another day
I’ve been terribly alone and forgotten in Manhattan
I’m going home to my city by the Bay I left my heart in San Francisco
High on a hill, it calls to me
To be where little cable cars climb halfway to the stars
The morning fog may chill the air, I don’t care My love waits there in San Francisco
Above the blue and windy sea
When I come home to you, San Francisco
Your golden sun will shine for me
golden-gate-bridge-690358_1280
จากเพลงคลาสสิก I Left My Heart In San Francisco  สิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงหากพูดเมืองซานฟรานซิสโกรัฐ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา คงหนีไม่พ้นสะพานโกลเดนเกต (Golden Gate)
สะพานแห่งนี้สร้างตั้งแต่ปีค.ศ. 1933 สมัยประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี. รูสเวลท์ มาแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1937 เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างเมืองซานฟรานซิสโก กับเมืองมาริน เคาท์ตี โดยมีโจเซฟ สเตราส์ เป็นวิศวกรควบคุมงาน ใช้งบประมาณในการสร้าง 35 ล้านดอลลาร์
สะพานโกลเดนเกท-Golden Gate ความหมายตรงตัวเลยคือ “ประตูทอง” ที่ต้อนรับผู้มุ่งมาซานฟรานซิสโก สะพานทาสีแดงอมส้มสดตามสีสัญลักษณ์ของซานฟรานซิสโกตอนกลางสะพานยาว 1,280 เมตร กว้าง 27 เมตร สูงกว่าระดับน้ำทะเล 67 เมตร มีทางรถยนต์ 6 ทาง รถบรรทุก 3 ทาง รถไฟ 2 ทาง ตัวสะพานแขวนประกอบด้วยหอคอยเหล็กสองข้าง ข้างละ 215 เมตร ใช้ลวดเคเบิลโยงทอดเป็นตัวดึงน้ำหนักสะพาน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 36 นิ้ว ข้างละ 2 เส้น แต่ละเส้นประกอบด้วยลวนเส้นเล็กๆ 17,664 เส้น รวม 4 เส้น ยาว 70,815 ไมล์ หรือหมุนรอบโลกได้ 3รอบ และยังมีเส้นลวดเล็กยึดสายโยงอีกรวม 27,572 เส้น มีช่วงกลางระหว่างตอม่อยาว 1.26 กิโลเมตร ส่วนริม 2 ฟาก ยาวข้างละ 34 เมตร รวมความยาวทั้งหมดประมาณ 7 กิโลเมตร ส่วนกว้าง 27 เมตร
สะพานนี้ถือเป็นความงามทางวิศวกรรมที่ได้รับการยกย่องจากสมาคมวิศวกรพลเรือนอเมริกันให้เป็นหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก หลายคนที่เดินทางมาซานฟรานซิสโก ล้วนแล้วแต่ต้องแวะมาที่นี่
usa-1206107_1280
ส่วนเมืองซานฟรานซิสโกมีที่เที่ยวที่ไหนอีก สามารถหาอ่านได้ในนิตยสาร Vacationist คอลัมน์ follow me เล่มเดือนพฤษภาคม 59
Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0