อารมณ์ยุโรป ที่ เมดิซี่คิทเช่น แอนด์ บาร์

อารมณ์ยุโรป ที่ เมดิซี่คิทเช่น แอนด์ บาร์(Medici Kitchen & Bar)

story & photo by หมูหวานชวนชิม

ภายใต้บรรยากาศแบบห้องใต้ดินในยุโรป คล้ายกับว่ากำลังจะหลบความหนาว(ความจริงคือหลบฝน) และความจอแจของเมืองหลวงไปอยู่ในแหล่งโอเอซีสที่อบอุ่น และมีความเป็นส่วนตัว ที่ เมดิซี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ (Medici Kitchen & Bar)โรงแรมโฮเทล มิวส์ แบ็งค็อก หลังสวน เมื่อไม่นานมานี้ต้อนรับเชฟใหม่นามว่า บาร์ธ ไซวินสกี้ (Chef Bart Cywinski) Executive Chef เข้ามาดูแลความเรียบร้อยของห้องอาหารต่างๆของโรงแรม วันนี้เชฟบาร์ธลงมือปรุงอาหารในห้องครัวเปิดที่เราสามารถมองเห็นการทำงานของเชฟอย่างเพลิดเพลิน

เมนูเรียกน้ำย่อยสำหรับมื้อนี้เริ่มจาก Crab Cannelloni (690 บาท) เป็นเนื้อปูปรุงมาแล้วอย่างดีห่อด้วยเจลาตินทำจากซุปใสมะเขือเทศ ในลักษณะแผ่นเจลบางๆ ห่อหุ้มเนื้อปูเอาไว้ จากนั้นเชฟก็ร่อนผงของมะเขือเทศลงไป แลดูคล้ายกับก้ามปู จากนั้นท้อปปิ้งด้วยคาร์เวีย แต่งจานด้วยซอสหมึกดำ และดอกไม้ทานได้สีสันสวยงามราวกับสวนดอกไม้ก็ไม่ปาน เชฟแนะนำว่าเวลารับประทานให้ทานพร้อมๆกัน ส่วนผสมทุกอย่างรวมกันในปากทำให้รสชาติอร่อยลงตัวดีมาก

Medici3

จานหลักวันนี้เชฟภูมิใจนำเสนอ  Happy Pig in the Garden (590 บาท) มีเรื่องเล่าว่า สมัยที่เชฟยังเด็ก เขาเล่นกับลูกหมูในฟาร์มบ้านลุง แล้วลูกหมูก็หลุดวิ่งออกไปตรงแปลงผักที่ปลูกไว้ มีทั้งพืชผักสมุนไพร แครอท ฯลฯ ลูกหมูรื้อแปลงออกมากัดกินกระจุยกระจาย เละเทะไปหมด อิ่มแล้วลูกหมูก็นอนผึ่งพุงยิ้มอย่างมีความสุข ผลงานครั้งนี้ “ดช.บาร์ธ” โดนดุและทำโทษ แต่ก็เป็นความทรงจำที่ดี ทุกครั้งที่เขาปรุงจานนี้ก็จะนึกถึงลูกหมูตัวนั้น ปรุงไปยิ้มไปมีความสุขมาก ก็เลยส่งผลให้จานนี้อร่อยเป็นพิเศษ

Medici5

เชฟนำสันในหมู(หมักกับสมุนไพรต่างๆเช่นกระเทียมพริกไทยต้นหอมยักษ์ทิ้งไว้ข้ามคืน) แล้วนำไปเข้าเครื่องซูวี ที่63.5 องศา ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง จากนั้นปรุงรส ทอดในกระทะพอให้กรอบนอกนุ่มใน ส่วน หมูสามชั้น เชฟปรุงเกลือพริกไทย แล้วนำไปซูวีที่อุณหภูมิ 70 องศา เป็นเวลา 10 ชั่วโมงทำให้เนื้อนุ่มละลายในปาก จากนั้นนำหมูทั้งสองมาใส่หม้อที่มีฟางข้าว(อิมพอร์ตจากเมืองนอก) โรสแมรี่ กระเทียมย่าง แล้วจุดไฟที่ฟางข้าวพอไฟติดก็ปิดฝาอบให้เนื้อหมูหอมกรุ่นกลิ่นควันไฟและโรสแมรี่ที่ถูกเผาไหม้นิดๆ ก่อนนำมาแต่งจานเสิร์ฟ เชฟว่าช่วงซัมเมอร์ในยุโรป ผู้คนจะออกมาตั้งแคมป์ทำบาร์บิคิวกัน กลิ่นจะหอมฟุ้งประมาณนี้เลย จานนี้เสิร์ฟกับ Baby Potato แครอท ต้นหอม เปลือกส้ม ราดน้ำเกรวี่ มีซอสแครอทกับขมิ้นในจานอีกด้วย

จานถัดไป Andaman Sea Bass เชฟนำปลากระพงอันดามันของไทยนำไปซูวีประมาณ 10 นาที แล้วทอดพอหนังกรอบ ปรุงรสด้วยเกลือพริกไทย เสิร์ฟกับเครื่องเคียง คือซูกินี่บด (ต้มยีให้ละเอียดใส่เกลือกับเนย) พาสต้าฟาร์ฟาเล่ (ลักษณะเหมือนโบว์)โฮมเมดทำเองสดใหม่ทุกวัน เสิร์ฟพร้อมกับซอสหอยตลับ โดยนำเนื้อหอยมาผัดกับซอสไวน์ขาวใส่กระเทียม Leek(ต้นกระเทียมยักษ์) ครีม เนย  เคปเปอร์ มะเขือเทศ มะกอกดำ เคปเปอร์ กระเทียม มะเขือเทศแห้ง แอนโชวี่สับปรุงรส  สลัดแตงกวาญี่ปุ่นหั่นสไลซ์บางๆ คลุกกับเลมอนเดรสซิ่งและดิว(ผักชีลาว) รับประทานทุกอย่างพร้อมๆกัน ทำให้รสชาติกลมกล่อมเข้ากันได้ดี

Medici4

ประทับใจจานสุดท้าย Vanilla Panna Cotta (410 บาท) พานาคอตต้าของเชฟมีการสอดแทรกสตรอเบอร์รี่เข้าไปในรูปแบบต่างๆ ทั้งสตรอเบอร์รี่สด เจลลี่สตรอเบอร์รี่ นำสตรอเบอร์รี่มาทำเป็นเส้นสปาเก็ตตี ทำเป็นแผ่นฟิล์มบางๆ เคลือบพานาคอตต้า เมื่อทานแล้วละลายในปาก เป็นขนมหวานที่ไม่ค่อยหวาน ถูกใจหมูหวานยิ่งนัก

Medici6

กล่าวถึงเชฟบาร์ธ เขาเติบโตมากับตำราอาหารของตระกูลที่ถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นกว่า 150 ปี จึงหลงใหลการทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ ทำงานในโรงแรมดังมาแล้วทั่วโลกทั้งยุโรปและเอเซีย ล่าสุดก่อนมาเมืองไทยทำงานที่”จาน” ร้านอาหารมิชลินสตาร์ ประเทศสิงคโปร์ เชฟคนนี้เน้นความสำคัญของวัตถุดิบ สดใหม่ จากท้องถิ่น ต้องปลูกแบบธรรมชาติ ปลอดสารพิษ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทานอาหารที่สมบูรณ์ที่สุด นี่คือเจตนารมย์ของเชฟ

Medici1

ส่วนห้องอาหารเมดิซี่ปัจจุบันได้ปรับรูปแบบให้ทันสมัยมากขึ้น เน้นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เปลี่ยนแนวจากอาหารอิตาเลี่ยนดั้งเดิม เป็นอิตาเลี่ยนร่วมสมัย เพิ่มสไตล์อาหารเมดิเตอร์เรเนียน อิตาลี+ฝรั่งเศส อะไรประมาณนี้ สนใจไปชิมกันได้

เมดิซี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ (Medici Kitchen & Bar) อยู่ชั้นใต้ดินโรงแรมโฮเทล มิวส์ แบงค็อกหลังสวน เปิดบริการเวลา 18.00-22.00 น. โทร. 02-630-4000 www.hotelmusebangkok.com

Share This Post:Share on Facebook0Share on Google+0Tweet about this on TwitterShare on LinkedIn0